6 พรรคตีปี๊บนโยบาย "โภชนาการเด็ก" อาหารอร่อย สุขภาพดี

10 พ.ค. 2566 | 18:31 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2566 | 19:01 น.

ช่วงโค้งท้ายเลือกตั้ง 2566 “6 พรรคการเมือง” คลอดนโยบายเพื่อสุขภาพเด็ก ปรับเพิ่มงบอาหารกลางวัน นมโรงเรียนคุณภาพ จัดสวัสดิการ 3,000 บาท ให้เด็กแรกเกิด นักวิชาการอยากเห็นแก้เชิงโครงสร้าง โภชนาการอาหารเด็กต้องปลอดภัย

ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทุกพรรคการเมืองต่างต่างเสนอนโยบายเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างคึกคัก  โดยส่วนใหญ่ของนโยบายจะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้อง และแก้ไขเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ 

สำหรับนโยบายที่เป็นสวัสดิการ โดยเฉพาะสวัสดิการด้านสุขภาพเด็ก ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่มีคุณภาพกลับมีให้เห็นไม่มากนัก แม้ว่าจะมีข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และยูนิเซฟ ปี 2562 พบเด็กไทย 0-5 ปี ประมาณกว่า 4 แสนคน คิดเป็น 13% มีภาวะขาดโภชนาการ เตี้ย-แคระ- แกร็น  

เช่นเดียวกับมูลนิธิชีววิถี และภาคีเครือข่ายฯ ที่ได้รวบรวมข้อมูล พบเด็กไทยอายุ 0-14 ปี กว่า 1 ล้านคน มีภาวะขาดโภชนาการเตี้ย แคระแกร็นเนื่องจากเข้าไม่ถึงอาหารที่มีคุณภาพ และมีสารอาหารที่ไม่เพียงพอ  

ปัญหาการขาดภาวะโภชนาการของเด็กไทยวันนี้ จึงดูจะสวนทางกับการประกาศเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารของโลก และประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเป็นอันดับที่ 13 ของโลก  

“ก้าวไกล”เพิ่มงบอาหารกลางวัน 30 บาท

หากลองไล่เรียง พรรคการเมืองที่มีนโยบายสวัสดิการสุขภาพเด็ก จะพบว่า พรรคก้าวไกล แจกแจงรายละเอียด  52 นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ประกาศจัดสวัสดิการก้าวหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย และมีนโยบายจัดงบประมาณให้กับเด็กแรกเกิดทุกราย 3,000 บาท  

ขณะที่เด็กเล็กจะได้ 1,200 บาทต่อเดือน และทำทั้งระบบ เพื่อให้การเลี้ยงดูเด็กง่ายขึ้น เช่น การให้สิทธิลาคลอด 180 วัน รวมไปถึงการตั้งศูนย์ดูแลเด็กอ่อนของรัฐ ที่ไทยไม่เคยมีเลย โดยวิธีนี้จะทำให้ครอบครัวสามารถดูแลลูกจนครบ 6 เดือน หลังจากนั้นก็มีบริการของรัฐคอยดูแลให้ 

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังจะให้งบ อปท. ที่ต้องการสร้างศูนย์ดูแลเด็กเล็ก มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับอาคารสำนักงานเพื่อให้จัดห้องสำหรับดูแลเด็กเล็ก ส่วนผู้สูงอายุ จะต้องแก้ระบบบำนาญให้ครอบคลุมคนทั้งประเทศ โดยให้เงินผู้สูงวัยเดือนละ 3,000 บาท ให้แบบขั้นบันได ปีแรก 1,000 บาท เพื่อให้เวลาในการจัดทำงบประมาณ
 

ส่วนเรื่องอาหารกลางวัน จะยกระดับงบค่าใช้จ่ายในการทำอาหารกลางวันของนักเรียนเป็น 30 บาทต่อคนต่อวัน ครอบคลุมไปจนถึงในระดับมัธยมศึกษา เด็กๆ จะได้กินอาหารทั่วถึง มีความหลากหลาย และมีคุณภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นทางเลือกให้กับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ที่จะสามารถปลูกผัก-ผลไม้แล้วก็มาส่งมาเป็นอาหารกลางวันโดยให้อบต.สามารถที่จะมาบริหารจัดการส่งสินค้าไปยังโรงเรียนได้

ประชาธิปัตย์ชู“นมโรงเรียนฟรี”

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ มีนโยบาย 5 ฟรี ประกอบด้วย 

1. เดินหน้าต่อนโยบาย “เรียนฟรี” ที่ประชาธิปัตย์ได้เริ่มต้นไว้ตั้งแต่ปี 2552 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

2. “รักษาฟรี” เป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยให้เด็กและเยาวชนรักษาฟรี ซึ่งจะเดินหน้าต่อไปและพัฒนาให้มีศักยภาพมากขึ้น 

3.จัดให้มี “นมโรงเรียนฟรี" ที่เริ่มต้นไว้ตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยจะเดินหน้าต่อและจะขยายให้มีนมโรงเรียนฟรี 365 วัน เพื่อสร้างคน สร้างชาติต่อไปในอนาคต  

4. “อาหารกลางวันฟรี” ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า จากการที่ยังมีเด็กยากจนจำนวนมาก ดังนั้นอาหารกลางวันฟรี ตั้งแต่อนุบาล ถึง ป.6 จึงเป็นความคิดหนึ่งของประชาธิปัตย์และเดินหน้ามาถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งจะได้ขยายผลเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต

5. เด็กอายุ 0-6 ขวบ ที่ทุกวันนี้มีเงินสนับสนุนแม่ 600 บาทต่อเดือน แต่ยังได้รับไม่ทั่วถึง ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าต่อ และจะต้องได้รับแบบถ้วนหน้าทุกคน

                           6 พรรคตีปี๊บนโยบาย \"โภชนาการเด็ก\" อาหารอร่อย สุขภาพดี

“เพื่อไทย” อาหารกลางวันฟรี

พรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ของนโยบายจะเน้นไปที่โครงการ “ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn” เด็กสามารถเข้าสู่การเรียนรู้ได้ทุกช่วงวัย โอนหน่วยกิตที่สะสมไว้หางานได้ทุกช่วงของชีวิตและยังมีโครงการ “Free tablet for all” 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และ โครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต,โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน (ODOS) และให้มีศูนย์การเรียนรู้แบบ TCDC และ TK Park ให้ครบทุกจังหวัด

นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มงบอาหารกลางวันและให้บริการรับส่งนักเรียนฟรี พร้อมสนับสนุนนโยบายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า ในอัตรา 3,000 บาทต่อเดือน ผนวกเข้ากับกองทุนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต  

+ไทยสร้างไทยแจกคูปองซื้อนม อาหาร 3 พันบาท

พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายซื้อคูปองซื้ออาหารนม อาหารคุณภาพคนละ 3,000 บาทต่อดือน สำหรับอาหารเด็กแรก0-6 ปี ส่วน 6-14 ปี ในวัยเรียน อาหารกลางวัน นมโรงเรียนต้องมีคุณภาพ 

นอกจากนี้มีโยบายสวัสดิการบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท  และนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ไม่เป็นหนี้ กยศ. อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน ไม่ต้องย้ายประเทศหนี

พปชร.ชู"สวัสดิการประชารัฐ จากครรภ์มารดา"

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มี"สวัสดิการประชารัฐ ที่จะเข้าไปดูแลทารกตั้งแต่ในครรภ์ ด้วยมารดาประชารัฐ ฝากครรภ์ จนคลอด แบ่งตามช่วยวัยดังนี้

-อายุ 0-6 ปี จะได้รับการดูแลโภชนาการอาหารครบถ้วน ตามพัฒนาการของวัย เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

-อายุ 7-18 ปี จะได้รับสวัสดิการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ และจัดสรรโครงการอาหารกลางวันฟรี

-อายุ 18-40 ปี จะมีสวัสดิการคุ้มครองแรงงานทั้งใน-นอกระบบ และ สวัสดิการเรียนรู้ทักษะเพื่อประกอบอาชีพ

มีนโยบาย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ”ที่ต้องการดูแลสตรีทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 34 ล้านคน มากกว่าเพศชาย

โดยได้วางนโยบายเข้าไปดูแลสตรีขณะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนที่ 4 และในเดือนที่ 9 ที่คลอดบุตรออกมา จะสนับสนุนเงินให้เดือนละ 10,000 บาท 5 เดือน เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน จนถึง 9 เดือน

นอกจากนี้ จะช่วยเหลือเงินค่าเลี้ยงบุตร 3,000 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 6 ปี

ภูมิใจไทยชูอาหารอินทรีย์เพื่อสุขภาพเด็ก 

พรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป้าหมายเรื่องนี้เพื่อเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 1.จัดสรรงบประมาณให้เกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ 2.กำหนดให้ธนาคารของรัฐสนับสนุนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ 3.จัดสรรงบประมาณและการสนับสนุนทางการเงินแบบอื่นๆจากรัฐบาลให้กับหน่วยงานราชการอื่นซึ่งไม่ไม่เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรฯ  

พร้อมยืนยัน เรื่องเด็กแคระแกร็นไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่ทั่วโลก ปี 64 เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ได้รับผลกระทบ 164 ล้านคนทั่วโลก ภาวะผอม 45 ล้านคน น้ำหนักเกิน 39 ล้านคน และก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้น ประเทศไทยก็จะต้องเร่งแก้ไขเรื่องนี้

นักวิชาการหนุนแก้ปัญหาโภชนาการเด็ก
  

ด้าน ศ.เกียรติคุณ แพทย์หญิงลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้วิเคราะห์นโยบายพรรคการเมือง มองว่า เวลาพรรคการเมืองพูดเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความยากจน คนไทยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องดูด้วยว่า แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้หรือไม่

มองให้ทะลุทุกมิติ หรือแค่การแจกเงินชั่วคราว เราไม่อยากเห็นนโยบายระยะสั้น อยากเห็นนโยบายระยะยาว แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และการไม่มีคอร์รัปชัน  

“ข้อเสนอถึงพรรคการเมือง เรื่องอาหารกลางวันในโรงเรียน นมโรงเรียน เป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุนต่อไป เพราะช่วยคนที่ด้อยโอกาส แต่จะทำอย่างไรให้มีคุณภาพ รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมให้เด็กเข้าถึงอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพ และสุดท้าย อยากให้ช่วยกันสนับสนุนกฎหมายควบคุมการตลาดอาหารเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” 

นางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่พบพรรคการเมืองไหนมีนโยบาย ที่จะเข้ามาดูเรื่องความไม่ปลอดภัยด้านอาหารเลย รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องสารพิษตกค้างในอาหารผล ผลไม้  โดยเฉพาะการเข้มงวดตรวจสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีห้องแล็บที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ” 

พร้อมกับทิ้งท้าย มีข้อเสนอถึงพรรคการเมือง และรัฐบาลใหม่ ว่า การทำให้อาหารกลางวันของเด็กในโรงเรียนปลอดภัย ต้องมีการยกระดับ อย่างน้อยให้วัตถุดิบสักครึ่งหนึ่งมาจากการทำเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมี เชื่อว่า จะสามารถลดการใช้สารเคมีในพื้นที่ลงไปได้ 

อีกทั้งยังเป็นการรับประกันระยะยาวสุขภาพของคนจะดีขึ้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลสามารถจัดการได้ รวมถึงการมีระบบเฝ้าระวังที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะตรวจสอบความไม่ปลอดภัยของสินค้านำเข้า ตั้งแต่หน้าด่าน และการมีแล็บที่มีประสิทธิภาพ