“กรณ์”นำชาติพัฒนากล้าปราศรัยสุราษฎร์ธานี ย้ำชนทุนผูกขาด เอาเปรียบประชาชน

05 พ.ค. 2566 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ค. 2566 | 09:21 น.

“กรณ์ จาติกวณิช”นำทีมชาติพัฒนากล้า ปราศรัยสุราษฎร์ธานี ย้ำจุดยืนชนทุนผูกขาด เอาเปรียบประชาชน ประกาศยกสุราษฎร์เป็นโมเดล “บริษัทมหาชนของเกษตรกร” แห่งแรกของประเทศไทย

เมื่อค่ำวานนี้ (4 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค พล.ต.ธชา จินตวร ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาพรรค ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมเวทีปราศรัยช่วย นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 หาเสียง 

โดยมีผู้สมัคร ส.ส. นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขต 2 เบอร์ 8 นายสุพจน์ บานเย็น เขต 4 เบอร์ 9 และ นายวศุธน เรืองขนาบ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 เบอร์ 4 ร่วมปราศรัย โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และร่วมรับฟังปราศรัยอย่างเนืองแน่น 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราเป็นพรรคเล็กและเป็นพรรคใหม่ แต่เรากล้าชกกับรุ่นเฮฟวี่เวท เรื่องที่เราออกมาสู้ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ จนได้รับการยอมรับสะท้อนมาเป็นผลโพลล์ของสุราษฎร์ธานีเขต 1 วันนี้ ที่โพลล์บี้กับที่ 1 แบบหายใจรดต้นคอ 

เวลาที่เหลืออยู่อีก 10 วันถือเป็นช่วงสำคัญ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองและผู้สมัคร ที่หาเสียงแนวสร้างสรรค์ ไม่แจกเงิน เราต้องรักษาสถานะเป็นผู้ท้าชิง ให้เข้าสู่เส้นชัยให้ได้ 

นายกรณ์ กล่าวว่า เรามักได้ยินคำถามเสมอว่าเราอยู่ฝั่งไหน ซ้าย หรือ ขวา เราตอบไม่แบบอายว่า เรามองข้ามขั้วการเมือง แต่มาสู้กับเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน 

“เราไม่ตั้งเงื่อนไขให้กับสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลยุทธ์การเมืองของพรรคใหญ่ เพื่อแบ่งประชาชนออกเป็นสองข้าง แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย และยังเป็นอุปสรรคของประเทศในการที่จะเดินต่อไปข้างหน้า 

                    พรรคชาติพัฒนากล้าปราศรัยสุราษฎร์ธานี

เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายกฯ เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าเป็นพรรครอเสียบก็ต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร 

แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาด มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งมันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน”

นายกรณ์ ย้ำว่า เราพร้อมสู้กับทุนผูกขาดทุกชนิด เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีใครที่พึ่งพาได้เหมือนกับเรา ในการยืนหยัดต่อสู้กับใครก็ตาม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของท่าน ตนมีจุดยืนเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มทำงาน ก่อนการทำงานการเมือง ด้วยซ้ำ 

“ผมเกลียดที่สุดคือ ทุนผูกขาด เพราะกระทบกับต้นทุนชีวิตประชาชน ครอบงำการเมืองทุกขั้ว เราขอต่อสู้ในแนวทางสร้างสรรค์ ประเทศไทยต้องมีพรรคการเมืองแบบนี้เข้าไปทำงานในสภา 

ท่านไม่ต้องกังวลว่าเลือกเราแล้วจะได้เป็นรัฐบาลไหม ขอให้ท่านเลือก อนุวัตร เบอร์ 4 และพรรคชาติพัฒนากล้าเบอร์ 14 ขอให้เรามี ส.ส.ในสภา จะกี่คนก็ตาม เราพร้อมยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนขอท่านอย่าลังเล” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

                              พรรคชาติพัฒนากล้าปราศรัยสุราษฎร์ธานี

ด้านนายวรวุฒิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นโอกาสนิยม ให้คนตัวเล็กทำธุรกิจได้ เติบโตได้ แข็งแรง แข่งกันทุนใหญ่ได้ พรรคชาติพัฒนาจึงมีนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก สนับสนุนเกษตรกรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 

แต่ระบบราชการไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเกี่ยวพันกันหลายกระทรวง ไม่เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเติบโต พรรคชาติพัฒนากล้า เราเสนอโครงการ “บริษัทมหาชนของเกษตรกร” โดยใช้กลไกตลาดทุนมาช่วย  เราดึงเกษตรกรมารวมตัวกัน โดยมีเศรษฐีคนไทย และนักลงทุนต่างประเทศ  มาสนับสนุนนักบริหารทางการตลาด และหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ 

แบบนี้เกษตรกรได้ประโยชน์ตั้งแต่ขายราคาพืชผล แปรรูปผลผลิต และนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเพื่อพัฒนาสินค้า ถ้าทำแบบนี้เกษตรกรเราไม่จนแน่นอน และโมเดลนี้จะเริ่มที่ จ.สุราษฎร์ธานีเป็นที่แรก เพราะเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ 

ขณะที่ นายวรนัยน์ กล่าวว่า นโยบายประชานิยม จะทำให้ล้มละลายทั้งประเทศ ชุดนโยบายเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพัฒนา คุณภาพชีวิตพัฒนา คือ การสร้างโอกาส สร้างความเสมอภาค 

“หลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลแจกเงินไปเท่าไหร่แล้วแต่ ประชาชนจนเหมือนเดิม ถ้าเราอยากมีอนาคต เราต้องมองเรื่องหาเงิน ใครจะมาพัฒนาเศรษฐกิจให้เราได้ สร้างโอกาส ให้อาวุธพวกเราต่อสู้ ไม่ใช่ลืมตาอ้าปาก แต่อิ่มหมีพีมัน อยู่ดีกินดี คนรวยมีไม่กี่คน ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าตอบโจทย์ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แบบไม่เน้นประชานิยม”

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคแห่งความหวัง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน เราพูดได้ชัดเจนตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจทุนใหญ่ เราไม่รับทุนผูกขาด และเป็นพรรคแรกที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน และออกมาเตือนรัฐบาลหลายครั้งว่าราคาน้ำมัน ค่าไฟ และข้าวของจะแพงตามมา 

แต่รัฐบาลไม่ทำ และยังประกาศขึ้นค่าไฟ ซ้ำเติมประชาชน และยังเอา รมว.พลังงาน มาเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 2 ของพรรคลุงอีกมันสะท้อนถึงทุนผูกขาดที่มีอำนาจที่อยู่เหนือการเมือง   

                              พรรคชาติพัฒนากล้าปราศรัยสุราษฎร์ธานี

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เน้นประชานิยม แต่เน้นโอกาสนิยม เราไม่เน้นแจก ตอนนี้มีหลายพรรคการเมืองมีนโยบายลดแลกแจกแถม บางพรรคประกาศจะขึ้นค่าแรงในอีก 5 ปีข้างหน้า ชี้นำอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ของแพงขึ้น 

และยังซ้ำด้วยนโยบายแจกประชาชนคนละหมื่น รวมแล้ว 5.5 แสนล้านบาท งบประมาณดังกล่าวสามารถสร้างมอเตอร์เวย์จากเหนือจรดใต้ แต่จะเอามาแจกในเวลาไม่กี่เดือน 

ทั้งนี้ตนไม่เคยเห็นใครทำนโยบายแบบนี้มาก่อน เรื่องการแจกทำได้ แต่ต้องเป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤตในช่วงโควิด แต่ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ภาวะวิกฤตจึงไม่ใช่เวลาของการแจก เราจะใช้เงินแบบเทน้ำเทท่าแบบนั้นไม่ได้ 

“คุณกรณ์ สมัยเป็น รมว.คลัง เพราะทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อสิบกว่าปีก่อน จีดีพีติดลบ 0.7 คุณกรณ์ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จนพลิกจีดีพีขึ้นมา 7.5 ภายใน 1 ปี จนโลกยกให้เห็น รมว.คลังโลก ซึ่งไม่มีนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีคนไหน ทำได้แบบคุณกรณ์ วันนี้เรามาบอกว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีทีมเศรษฐกิจที่มีคุณภาพเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน” นายอรรถวิชช์ กล่าว 

นายอนุวัตร กล่าวว่า จากการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชน ล้วนแต่สะท้อนให้ฟังว่าตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่มีกำไร ข้าวของแพงขึ้นมาก พรรคชาติพัฒนากล้าเรามีนโยบายหลากหลาย ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน จึงขอโอกาสพี่น้องชาวสุราษฎร์ธานีสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรค เป็นผู้แทนของพวกท่านเข้าไปทำงานในสภา เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายให้สำเร็จ 

“สุราษฎร์ธานี มีทรัพยากรธรรมชาติครบถ้วน ทั้ง ทะเล แม่น้ำ ป่าไม้ ทะเล ภูเขา พืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มหาศาล”