"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

20 เม.ย. 2566 | 15:33 น.
อัปเดตล่าสุด :20 เม.ย. 2566 | 16:06 น.

“ปชป.” ประกาศท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้า 80 เสียงทั่วประเทศ พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ด้วยยุทธศาสตร์ “สร้างคน สร้างเงิน สร้างชาติ ” ย้ำจุดยืนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ  นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค   น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, นายสุชชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.  นายเกียรติ สิทธีอมร ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.กทม. ร่วมนำเสนอนโยบายและกลยุทธ์เพื่อคน กทม. ในงาน Road To The Future เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย จัดโดย “เครือเนชั่น”

นายจุรินทร์  กล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ว่า  เที่ยวนี้เสียงตอบรับดีมาก เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ถือว่าต่ำสุดเพราะปชป.ไม่มีผู้แทน  แต่ครั้งนี้สัญญาณดีขึ้นตั้งแต่เลือกตั้งส.ก.เพราะผู้สมัครส.ส.ลงพื้นที่จริง ซึ่งผู้สมัครที่ลงพื้นที่กทม.ยืนยันว่าเสียงดีขึ้นเป็นมาก 

"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

การลงพื้นที่เหลือเวลาอีก 20 กว่าวันก่อนวันหย่อนบัตร  ปชป.ประเมินสถานการณ์ของพรรคในพื้นที่ กทม.ต่างจากการเลือกตั้งในปี 2562 เพราะครั้งนี้เป็นการแข่งขันของขั้วการเมือง แต่ขณะนี้ไม่ใช่การแข่งขันที่ขั้วการเมือง  แม้จะมีคนทำให้เป็นขั้วการเมือง แต่ความเป็นจริง มีพรรคการเมืองเพิ่มมากขึ้น  เพราะฉะนั้น พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาใหม่มีความแตกต่างกัน อยู่ที่ประชาชนจะเลือกผู้สมัคร และพรรคการเมืองใด ในแต่ละพื้นที่  มีปัญหาแตกต่างกัน 

"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

  • ย้ำนโยบาย “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

นายจุรินทร์ กล่าวย้ำว่า ถ้า ปชป.ได้เข้าไปทำงานสิ่งที่จะขับเคลื่อนให้เห็นใน 4 ปี 4 อย่างน้อยที่สุด จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ปชป. มีกรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะขับเคลื่อนประเทศด้วยยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

หนึ่ง “สร้างเงิน” คือ ปชป. ไม่สร้างเงินด้วยการแจกเงิน  แต่สร้างเงินให้คนไทยและประเทศไทย ด้วยการนำเงินเข้าประเทศผ่านการส่งออกและการท่องเที่ยว ที่ปชป.ยืนยันว่า ทำได้จริงอย่างน้อย เรื่องท่องเที่ยว หัวหน้าพรรคเคยเป็น รมต.ท่องเที่ยวมาแล้ว อเมซิ่งไทยแลนด์ชุดแรก ตนเป็นคนทำ ยืนยันได้เราจะทำเงินให้ประเทศเท่าไร เอาเงินทั้งหมดเข้าประเทศ ทำสะพาน ทำถนน  แก้ปัญหาการเรียนและสุขภาพให้ลูกหลานคนไทยทั้ง

สอง “สร้างคน”  เราต้องทำให้คนของเรามีระบบการศึกษาที่ดี สุขภาพแข็งแรง มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  มีการอัพสกิล และรีสกิล ให้คนของเรา  เพราะถ้าเราไม่สร้างคน เงินเราจะสร้างให้ประเทศเท่าไร เงินก็หมด ถ้าคนไม่มีศักยภาพ และจะสร้างเงินต่อเงินไม่ได้ 

เมื่อสร้างคนแล้วจากนั้นจะนำไปสู่การ “สร้างชาติ”  เพื่อชาติให้มั่นคง แข็งแรง และพัฒนาชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่มีความขัดแย้งสองขั้ว สามขั้ว อย่างที่เป็นอยู่ บ้านเมืองมีแต่ความขัดแย้งไม่จบสิ้น ต่อไปนี้ทางรอดทางเดียวที่ปชป. ประเมินชัดเจนคือ ประเทศต้องเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น และต้องเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่ใช่ครึ่งใบอย่างทุกวันนี้  ส.ว.โหวตเลือกนายกฯได้จะเกิดแรงเสียดทานไม่รู้จบ  การเมืองกลางถนนเดี๋ยวก็มาอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นทางรอดคือ ต้องเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ต้องเป็นประชาธิปไตยไม่โกง  เพราะที่มีการยึดอำนาจเพราะมันโกง สุดท้ายประชาธิปไตยตัวจริงก็ไปไม่รอด กลับมาสู่วงจรอุบาทว์ 

 

"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

หัวหน้าพรรค ปชป. ชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่าปชป.ดีแต่พูดว่า ปชป.เน้นการทำงาน จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรค ในปีแรกเรียกว่าเกือบไม่พูดเลย จนมีคตนบอกว่าทำไมไม่พูด เพราะต้องการพิสูจน์ให้คนได้เห็นว่าเราเน้นเรื่องการทำงาน สุดท้ายก็พิสูจน์ว่าเราทำได้ไว ทำได้จริง  เรื่องประกันรายได้เราทำได้สำเร็จภายใน  4 ปี แม้กระทั่งก่อนหน้านั้นใน รัฐบาลอภิสิทธิ์  ตนเป็นคนขับเคลื่อนเรียนฟรีถึง15 ปี อย่างมีคุณภาพ  เราพิสูจน์ได้ว่า ปชป.ยุคใหม่ทำได้จริง นโยบายทุกข้อตกผลึกแล้ว ด้วยความรับผิดชอบและต้องทำได้ และทำได้จริง จึงไม่ต้องกังวล เพราะนโยบายปชป.สุดท้ายต้องทำได้แน่นอน 

ถามว่า ปชป.มีดีอย่างไร ประชาชนจึงต้องเลือก  เพราะทั้งคนทั้งพรรค ทั้งผู้สมัคร ที่เราคัดมาจากคนที่มีคุณภาพ และความเป็นสถาบันของพรรค  นโยบายที่ตกผลึกแล้ว   มีการต่อยอดสิ่งที่เราทำมา เราคิดเราพูดจากความจริงที่ทำ และพร้อมเดินหน้าทำต่อไป ถ้าประชาชนให้โอกาส    ขณะที่ จุดแข็งของปชป.อีกอย่างหนึ่งคือ เรามีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วประเทศ  นอกจากประชาชนคนไทยทั่วประเทศมั่นคงกับพรรคต่อไป ขอให้มาช่วยกันทำให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าไม่ใช่เพื่อพวกเรา แต่เพื่อประเทศยั่งยืนต่อไป
"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

เป้าหมาย 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

นายจุรินทร์ กล่าวถึงเป้าหมายตัวเลขที่นั่งในสภาฯที่ทางพรรคประเมินให้เกิน  52 ที่นั่งนั้น  เชื่อว่าปชป.สามารถทำได้ เราจะทำเพื่อประชาชน เป็นสิ่งที่เราทำมา 4 ปีเต็ม ทำให้มั่นใจในเสียงตอบรับว่าคนไทยพร้อมให้โอกาส ทำให้มั่นใจว่าเราจะได้มากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา 
“ผมไม่ประเมินเสียงว่าจะได้เท่าไร  เคยพูดหลายครั้งแล้ว ว่าประชาชนเป็นคนประเมิน  ขณะที่ คุณนิพนธ์ ประเมินว่าไม่ต่ำกว่า 80 ที่นั่ง ”

กรณีการเกิดของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)   กังวล “ลุงตู่”หรือไม่   หัวหน้าพรรค ปชป. ยืนยันว่า เราลงสนามแล้วเราคงไม่กลัวใคร  แต่ก็ไม่ไปปรามาสใคร  เราทำในสิ่งที่ดีที่สุด เราจะไม่บอกว่าเราจะเอาใคร เรากลัวใคร แต่เราขอให้ประชาชนช่วยพิจารณาแล้วเลือกเรา เพราะเรามีดี  เราตั้งรัฐบาลได้ ขับเคลื่อนประเทศได้  เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ทุกครั้งเราเข้ามาแก้วิกฤติได้ไม่ว่า วิกฤติต้มยำกุ้ง  วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ คราวนี้วิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำไมเราจะเข้ามากู้ประเทศไม่ได้  ประชาชนถ้าติดตามการเมืองจะสามารถฝากอนาคตกับปชป.ได้

หัวหน้าพรรคปชป. ย้ำว่า ในกรณีการจัดตั้งรัฐบาล จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล หรือเพื่อไทย  หรือ “ลุงตู่ ”ได้หรือไม่นั้น บอกหลายครั้งแล้วว่า  พรรคการเมืองไหนจะไปจับมือกับใครตั้งรัฐบาลก่อนการเลือกตั้ง ดูถูกประชาชนหรือไม่  ให้เกียรติประชาชนหรือไม่ ต้องให้ประชาชนตอบก่อน ต้องเลือกตั้งก่อน เขาให้พรรคคุณเท่าไร มีกี่เสียง  ปชป. เชื่อมั่นในวิถีประชาธิปไตย  เชื่อมั่นในประชาชน  คำตอบมีในใจแล้วแต่เราไม่ประกาศว่าเราไม่เอาใคร

"ปชป."ท้าพิสูจน์คำปรามาส ตั้งเป้าไม่เกินจริง แค่ 80 ที่นั่งทั่วประเทศ

ลงทุนวิจัย –นวตกรรม 3 %ของจีดีพี ใน 4 ปี 
ขณะที่นายสุชชัชวีร์ กล่าวถึงการเลือกผู้ว่า กทม. และการลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ว่า บรรยากาศดีขึ้น ความต่อเนื่องจากสนาม กทม.ทั้งการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ สก.ต่างเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง วันนี้พรรคพร้อม คนพร้อม บอกได้เลยว่า ปชป. กทม.รอบนี้นโยบายสุดๆไปเลย เพราะดูแลตั้งแต่สิ่งแวดล้อมและปากท้องของลูกหลานจนถึงพ่อแม่ครบวงจร

นายเกียรติ   กล่าวถึงนโยบายนวัตกรรมของปชป. ที่สามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ว่า ประเทศนี้จะโตได้คนต้องเก่ง การศึกษาต้องเก่ง  การศึกษาต้องทันสมัย และเราต้องลงทุนเรื่องงานวิจัยและนวัตกรรม  ประเทศไทยลงทุนเรื่องนี้น้อยมาก ไม่ถึง 1 % ของจีดีพี  ประเทศที่เขาล้ำหน้า เขาลงทุน  3 % ของรายได้ทั้งประเทศ   เราจึงมีเป้าหมายให้ได้ 3 % 5 ภายใน 4 ปี ส่วนเรื่องพลังงาน ต้องลดค่าไฟฟ้าให้ได้  ค่าไฟฟ้าเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปได้อย่างไร 

ขณะที่ “น.ส.วทันยา” กล่าวถึงนโยบายสร้างคนรุ่นใหม่ว่า  ปชป. จะให้สวัสดิการด้านการศึกษาถึงปริญญาตรี ซึ่งแบ่งเป็น 2 เฟส คือ  เฟสแรก เน้นสาขาที่ตลาดต้องการ  จากนั้นจะขยายให้ครบทุกสาขา ซึ่งจะเป็นการกระจายโอกาสให้ประชาชนอย่างเท่าเทียม เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาคือ ขั้นบันไดที่เปิดโอกาสให้ประชาชน ไต่ลำดับชั้นสร้างโอกาสด้านการศึกษาต่อไป