"กรณ์"นำทีมชาติพัฒนากล้าเดินตลาดหาเสียง ชูจุดขายนโยบายเศรษฐกิจ

15 เม.ย. 2566 | 13:40 น.
อัปเดตล่าสุด :15 เม.ย. 2566 | 13:53 น.

“กรณ์”นำทีม 4 ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ตลาดบองมาร์เช่ เขตจตุจักร ย้ำแม้เป็นพรรคใหม่ แต่ประชาชนขานรับ เพราะมีจุดขายนโยบายเศรษฐกิจ ลั่นพร้อมร่วมรัฐบาลทุกขั้ว เว้นเสียงข้างน้อย

วันนี้(15 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายอรรถวิทย์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค ลงพื้นที่ตลาดบองมาร์เช่ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส. นางสาววิเวียน จุลมนต์ เขต 8 

                          \"กรณ์\"นำทีมชาติพัฒนากล้าเดินตลาดหาเสียง ชูจุดขายนโยบายเศรษฐกิจ

นายกรณ์ กล่าวว่า กระแสความนิยมพรรคดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.และภาคใต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด เนื่องจากช่วงแรกๆเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่หาเสียงมาสักระยะประชาชนก็มีความเข้าใจในนโยบายของพรรค โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและปากท้อง ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจนและทำได้จริง

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พบว่า ไม่มีปัญหา เนื่องจากพรรคได้ตรวจสอบและคัดเลือกผู้สมัครอย่างดีที่สุด ส่วนกรณีการส่งรายละเอียดนโยบายพรรคให้กกต.นั้น ขณะนี้กำลังเร่งลงละเอียดเรื่องเงิน เพราะนโยบายที่เราทำ จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโดยใช้งบประมาณน้อยมาก และไม่ใช้งบประมาณของประชาชน อย่างไรก็ตามยืนยันทันตามกรอบเวลา 18 เมษายนนี้ อย่างแน่นอน

                     \"กรณ์\"นำทีมชาติพัฒนากล้าเดินตลาดหาเสียง ชูจุดขายนโยบายเศรษฐกิจ

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า หลังเลือกตั้งพร้อมร่วมงานกับทุกพรรคการเมือง เพราะเราไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขแต่ต้องการทำงาน มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือ ไม่เอาด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคที่มีเสียงข้างมากต้องมีสิทธิ์ได้ตั้งรัฐบาลก่อน

สำหรับบรรยากาศระหว่างการลงพื้นที่หาเสียง ได้รับการตอบรับจากบรรดา พ่อค้าแม่ค้า และประชาชน ที่มาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการให้แก้ไขปัญหาเรื่องระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับนายกรณ์ มาขอถ่ายรูป พร้อมขอให้ทำให้ประเทศไทยนั้นเจริญ

                 \"กรณ์\"นำทีมชาติพัฒนากล้าเดินตลาดหาเสียง ชูจุดขายนโยบายเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ยังมีประชาชนบางส่วนยังคงสับสนในการกาเบอร์พรรค และกาเบอร์ผู้สมัคร เนื่องจากในปีนี้จะเป็นการเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบ ซึ่งแตกต่างจากปี 2562 ที่เป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียว