“วินท์ สุธีรชัย” จากส.ส.ก้าวไกล สู่ทีมเศรษฐกิจ รวมไทยสร้างชาติ

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ประกาศเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ โดยมี 8 ขุนพลหลัก สู้ศึก "เลือกตั้ง 2566" โดยมี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ซึ่งปัจจุบันนั่งอยู่ในตำแหน่ง ผู้แทนการค้าไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

ส่วน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ มือเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นที่ปรึกษา ร่วมกับ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี , นายจุติ ไกรฤกษ์ ,นายอนุชา นาคาศัย , นายสุชาติ ชมกลิ่น และ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา 

ในจำนวนทีมเศรษฐกิจของพรรค ทั้ง 8 คน ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจสาขาต่าง ๆ ทั้ง มหภาค พลังงาน การค้า การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ โดยผสมผสานคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ เข้ามาทำงานผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจสู้กับพรรคการเมืองอื่น ๆ บนสังเวียนเลือกตั้ง 

หนึ่งในนั้นมีชื่อของ “วินท์ สุธีรชัย” ซึ่งเคยเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจหมื่นล้าน ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง เราไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น ผ่านเรื่องราวดังต่อไปนี้

“วินท์ สุธีรชัย” เป็นใคร

นายวินท์ สุธีรชัย เกิดวันที่ 20 สิงหาคม 2526 จบการศึกษาในสาขา Management Information Systems (MIS) จากมหาวิทยาลัย Worcester Polytech Institute of Technology (WPI), Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา

ก่อนทำธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเคยนั่งตำแหน่งประธานเจ้า หน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเหล็กที่อยู่ในอุตสาหกรรมกลางน้ำฯ และเคยได้รับการตั้งฉายาว่าเป็น นักธุรกิจพันล้าน

จากนั้นจึงเข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยเป็น ส.ส. สังกัดพรรคอนาคตใหม่ แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ก็ได้ย้ายไปสังกัดพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ก่อนจะยื่นลาออกจากการเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ วันที่ 6 ต.ค.2564 และในปัจจุบันได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

เส้นทางการเข้าสู่รวมไทยสร้างชาติ

“วินท์ สุธีรชัย” เล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก Win Suteerachai - วินท์ สุธีรชัย สรุปได้ว่า มีโอกาสพบกับ “อาจารย์ไตรรงค์” หรือไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2565 โดยการแนะนำจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งพาไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการเมืองกับอาจารย์ไตรรงค์ หลังการพูดคุยหลายครั้งและได้ไปเยี่ยมบ้านอาจารย์ สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ผู้ใหญ่อายุย่าง 79 ปี มีความตั้งใจที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่จุดที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

พร้อมยอมรับว่า อยู่ในวงการการเมืองมาเกือบ 5 ปี ได้มีโอกาสพบคนมามาก แต่ยังไม่เคยเจอคนแบบอาจารย์ไตรรงค์ จึงทำให้สงสัยว่าหากอาจารย์เข้าไปในพรรคการเมืองที่เต็มไปด้วยคนไม่ดีอาจารย์จะช่วยเหลือประเทศไทยได้อย่างไร จนได้มาพบกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พี่ตุ๋ย) ประโยคแรกที่ทักคือ “สวัสดีครับท่านหัวหน้า” และประโยคแรกที่ท่านทักกลับมาคือ “ห้ามเรียกหัวหน้า ให้เรียกว่าพี่ตุ๋ย” ซึ่ง พี่ตุ๋ย เป็นคนที่ไม่ถือตัว ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นถึง ผู้พิพากษา ประธาน ปปช. และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาก่อน

นอกจากนั้น นายพีระพันธุ์ ยังมีความตั้งใจที่จะแก้กฎหมายอันซับซ้อนของบ้านเมืองให้ประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกมากขึ้น หลังจากนั้นอีกไม่นานผมจึงได้มีโอกาสพบ นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ห้องประชุมเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ซึ่ง นายพีระพันธุ์และอาจารย์ไตรรงค์มอบโอกาสอันล้ำค่าให้ผมเข้าไป ผมเคยคิดว่าท่านนายกเป็นทหารที่เคร่งขรึม แต่ในห้องนั้นท่านกลับเป็นผู้ใหญ่ที่มีอารมณ์ขันเยอะ จนน้อง ๆ ในห้องต้องกลั้นขำกันใหญ่เพราะไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี

แต่สิ่งที่ผมได้เห็นกับตาคือความตั้งใจของท่านนายกรัฐมนตรีที่ต้องการจะปราบปรามทุนจีนสีเทาที่เข้ามากัดกินในไทย ถึงท่านนายกจะไม่ได้โฆษณาออกมามากมายสู่สาธารณะ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงของท่านและมั่นใจในความสามารถ และความ “มือสะอาด” ของท่านโดยตรง ซึ่งเป็นไปตามที่เคยได้ข้อมูลมา 

ดังนั้นเมื่อเห็นทั้ง นายก หัวหน้าพรรค และ อาจารย์จึงมั่นใจว่าบ้านหลังนี้ประกอบด้วยกลุ่มคนที่ถือว่าเป็นคนประเภทเดียวกัน และน่าจะสามารถนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญได้อย่างยั่งยืนและใสสะอาด