นายเซลีน เกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับองค์กรในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเร่งการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลผ่าน Huawei Cloud AI Cloud Service ซึ่งจะมีการประมวลผลที่หลากหลาย มีประสิทธิภาพ และเสถียร รองรับองค์กรและนักพัฒนาในการสร้างแอปพลิเคชัน AI ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ AI ไม่ควรเป็นเทคโนโลยีที่มีกำแพงสูง ด้วยความร่วมมือและนวัตกรรมแบบโอเพนซอร์ส (open source) ทุกประเทศสามารถสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะที่ปรับให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นได้
ศาสตราจารย์ ดร. จิง ถาง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า องค์กรสามารถบรรลุการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอัจฉริยะอย่างคุ้มค่าได้ โดยการปรับแต่งโมเดลขนาดใหญ่แบบโอเพนซอร์ส (open asfo) ด้วยข้อมูลคุณภาพสูง
สำหรับแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้น จะมีเครื่องมือบนคลาวด์ที่ช่วยลดความซับซ้อนของการตั้งค่าผ่านการเข้าถึงแบบคลิกเดียว ใช้งานได้ทันที เช่น
โซลูชัน DeepSeek Localization ลดระยะเวลาการติดตั้งจาก 2 สัปดาห์เหลือ 2 วัน ลดต้นทุนการอนุมานลง 40% และรองรับทั้งโมเดลขนาดใหญ่และเวอร์ชันแบบกระชับ เป็นต้น
นายตัน ชือเจีย (Tan ShiJie) รองประธานฝ่ายการขายโซลูชัน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวจะสนับสนุนองค์กรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งโซลูชัน CloudDC ซึ่งจะเป็นการย้ายข้อมูลสู่คลาวด์แบบครบวงจร ที่ผสานศูนย์ข้อมูลที่รองรับคลาวด์และความสามารถ AI แบบเต็มรูปแบบ
และศูนย์ความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับการสำรองข้อมูลและการกู้คืนจากภัยพิบัติ (Backup & Disaster Recovery Continuity Center Solution) โดยจะมีความต่อเนื่องทางธุรกิจด้วยการตรวจจับความเสี่ยงอย่างรวดเร็ว การกู้คืนที่มีประสิทธิภาพ และการมองเห็นข้อมูลแบบรวมศูนย์ เป็นต้น