สื่อจีนอวยหนัก! DeepSeek เขย่าโลก AI แต่ยังติดกำแพงชิป-อุปสรรคการเมือง

31 ม.ค. 2568 | 13:15 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2568 | 13:17 น.

DeepSeek สร้างแรงสั่นสะเทือนในอุตสาหกรรม AI ด้วยโมเดลที่ทรงพลังและต้นทุนต่ำ สื่อจีนยกย่องเป็นตัวแทนของความสามารถด้านเทคโนโลยีของชาติ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนของการแข่งขัน AI ระดับโลก

DeepSeek กลายเป็นชื่อที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก หลังจากบริษัทสตาร์ทอัปจากจีนรายนี้ปล่อยโมเดล "DeepSeek-R1" ที่สามารถแข่งขันกับ OpenAI และ Meta ได้ในขณะที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าหลายเท่าตัว ความสำเร็จของ DeepSeek ไม่เพียงแต่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ยังทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับอนาคตของ AI และการครอบงำตลาดโดยมหาอำนาจตะวันตก อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความก้าวล้ำนี้ยังมีอุปสรรคที่ท้าทายมากมาย โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านชิปประมวลผลขั้นสูงที่เกิดจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

ในขณะที่โลกเทคโนโลยีต้องการพลังประมวลผลที่สูงขึ้นเรื่อยๆ DeepSeek กลับสร้างความประหลาดใจให้กับอุตสาหกรรมด้วยการพัฒนาโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงโดยใช้ทรัพยากรที่จำกัด นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า DeepSeek เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการปรับตัวภายใต้แรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจ บริษัทสามารถพัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPT-4o ของ OpenAI แต่ใช้ชิป Nvidia H800 ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความสามารถเมื่อเทียบกับชิปรุ่นท็อปอย่าง H100 ที่ถูกห้ามส่งออกไปยังจีน

DeepSeek ใช้วิธีการพัฒนาโมเดลที่แตกต่างจากบริษัทตะวันตก โดยมีการใช้เทคนิคที่เรียกว่า "การกลั่นโมเดล" (Model Distillation) ซึ่งช่วยลดความต้องการใช้พลังประมวลผลขนาดใหญ่ โดยอาศัยโมเดลขนาดใหญ่ที่ถูกฝึกมาแล้วช่วยสอนโมเดลขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน วิธีนี้ทำให้ DeepSeek สามารถลดต้นทุนในการฝึกโมเดลลงได้อย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โมเดลของบริษัทสามารถทำงานได้ดีในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง

ความสำเร็จของ DeepSeek ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา AI ในระดับโลก นักลงทุนและบริษัทเทคโนโลยีเริ่มมองว่า การทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้าง AI อาจไม่ใช่แนวทางเดียวที่นำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกัน นักวิจัยจากตะวันตกหลายคนยังคงเชื่อว่า การพึ่งพาพลังการประมวลผลที่มากขึ้นยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา AI ที่ล้ำหน้ากว่าเดิม

นอกเหนือจากประเด็นด้านเทคนิคแล้ว DeepSeek ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากบริบททางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ บริษัทต้องแข่งขันในตลาดที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทางการค้า โดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่พยายามสกัดกั้นการพัฒนา AI ของจีน ด้วยการจำกัดการเข้าถึงชิปประมวลผลขั้นสูง การคว่ำบาตรเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทจีนต้องหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาเทคโนโลยี และทำให้รัฐบาลจีนต้องเร่งลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง

ท่ามกลางข้อจำกัดนี้ DeepSeek กลับได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากภายในประเทศ สื่อจีนหลายแห่งยกย่องบริษัทว่าเป็นตัวอย่างของความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีของจีน โดยไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ Hu Xijin อดีตบรรณาธิการของ Global Times กล่าวว่า "ความสำเร็จของ DeepSeek เป็นหลักฐานว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถกดดันจีนให้ล้าหลังทางเทคโนโลยีได้ และการคว่ำบาตรอาจเป็นแรงผลักดันให้จีนพัฒนานวัตกรรมของตัวเองให้ก้าวล้ำกว่าเดิม"

ในโลกโซเชียลมีเดียของจีน กระแสความภาคภูมิใจใน DeepSeek พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับบริษัทติดอันดับคำค้นหายอดนิยมบน Weibo และผู้ใช้จำนวนมากต่างออกมาแสดงความเห็นเชิงสนับสนุน หนึ่งในกระแสที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือข้อเรียกร้องให้รัฐบาลจีนให้การปกป้องผู้ก่อตั้ง DeepSeek เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปได้โดยไม่มีอุปสรรคจากปัจจัยภายนอก

อย่างไรก็ตาม DeepSeek ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก แม้ว่าบริษัทจะสามารถสร้างโมเดล AI ที่ทรงพลังได้ในราคาถูก แต่ก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งอาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลและความโปร่งใสของ AI ที่พัฒนาโดยจีน

นอกจากนี้ การที่ DeepSeek ใช้ชิป Nvidia H800 ซึ่งเป็นชิปรุ่นที่สหรัฐฯ อนุญาตให้จีนเข้าถึงในช่วงต้นปี 2023 อาจทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในอนาคต เนื่องจากสหรัฐฯ อาจเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการคว่ำบาตรอีกครั้งเพื่อตอบโต้ความก้าวหน้าของ AI จีน หาก DeepSeek ไม่สามารถเข้าถึงชิปที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือไม่สามารถพัฒนาชิปของตัวเองได้ในระยะเวลาอันสั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของบริษัท

ท่ามกลางการแข่งขันภายในประเทศจีนเอง แม้ว่า DeepSeek จะเป็นหนึ่งในผู้นำของวงการ AI ในขณะนี้ แต่ก็ยังมีบริษัทจีนรายอื่นๆ ที่กำลังก้าวขึ้นมาแข่งขัน เช่น 01.ai ของ Kai-Fu Lee และ ByteDance ที่เริ่มพัฒนาโมเดล AI ของตัวเองอย่างจริงจัง สิ่งนี้อาจทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ของจีนรุนแรงขึ้น และอาจทำให้ DeepSeek ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางธุรกิจที่มากขึ้น

แม้ว่าความสำเร็จของ DeepSeek จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรม AI และทำให้โลกต้องจับตามองความก้าวหน้าของจีน แต่เส้นทางข้างหน้าของบริษัทก็ยังเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ต้องก้าวข้าม ทั้งจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ นโยบายการค้าระหว่างประเทศ และความเชื่อมั่นของตลาดต่อ AI ที่พัฒนาโดยจีน สิ่งนี้ทำให้ DeepSeek กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญถึงความซับซ้อนของการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ปัจจัยด้านนวัตกรรม แต่ยังรวมถึงภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออก

ความท้าทายของ DeepSeek อาจไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพ แต่คือการพิสูจน์ว่าบริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและการแข่งขันอันดุเดือด หาก DeepSeek สามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่จีนสามารถแข่งขันในตลาด AI ระดับโลกได้อย่างแท้จริง แต่หากไม่สามารถปรับตัวได้ เทคโนโลยีของจีนก็อาจยังต้องเผชิญกับกำแพงที่สูงขึ้นในอนาคต

 

อ้างอิง: Reuters, CNBC, Channel news asiaForbes, Tech target, China daily, New York Times