นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยว่า AIS ได้ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง CIB เปิดตัวบริการ *1185#แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร โดยเมื่อลูกค้า AIS รับสายเบอร์โทรมิจฉาชีพ (ที่ใช้เบอร์ค่ายไหนก็ได้) หลังวางสาย สามารถส่งแจ้งเบอร์มิจฉาชีพดังกล่าวไปเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของตำรวจสอบสวนกลางได้ทันที บริการฟรี ตลอดเวลา ทุกครั้งที่รับสายมิจฉาชีพ
เหตุผลที่ AIS ร่วมกับ CIB เปิดบริการดังกล่าวเนื่องจาก AIS ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าให้ใช้บริการบนเครือข่ายปลอดภัยของ AIS จึงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่องใน 3 ด้าน คือ 1.สนับสนุน ให้ความร่วมมือกับตำรวจ และ หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ในการติดตาม ตรวจสอบ ปิดกั้น วางมาตรการจดทะเบียนแสดงตนเลขหมายอย่างโปร่งใส 2. พัฒนาเครื่องมือด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ลูกค้าและประชาชนใช้ปกป้องการใช้งาน และแจ้งเบาะแสได้ด้วยตนเองอย่าง AIS Spam Report Center 3. การสร้างทักษะการใช้งานดิจิทัลในโครงการ อุ่นใจไซเบอร์ ที่จะช่วยให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์และมิจฉาชีพได้ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ได้บูรณาการ การทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่
ด้านพลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ปัจจุบันภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้สร้างความเดือดร้อน เสียหาย ให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจสอบสวนกลางได้เร่งระดมกวาดล้างกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อตัดเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างคนร้ายกับประชาชน ได้แก่ สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณ อินเทอร์เน็ต ซิมผี บัญชีม้า SMS และ Social Media Platform โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการเครือข่าย โดยเฉพาะ AIS ที่ร่วมกันติดตามมิจฉาชีพผ่านระบบ Tracking & Monitoring รวมไปถึงการเปิดช่องทางให้ลูกค้า AIS สามารถแจ้งเบาะแสเบอร์โทรต้องสงสัย ผ่าน AIS Spam Report Center นำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ในหลายกรณี รวมถึงครั้งนี้ที่ได้ยกระดับความร่วมมือไปอีกขั้นผ่านบริการ *1185# แจ้งอุ่นใจ ตัดสายโจร ที่นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสของมิจฉาชีพได้ง่ายๆ ทันทีหลังจากวางสายแล้ว ยังถือว่าเป็นประโยชน์กับการทำงานของตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เราเห็นข้อมูลความผิดปกติจากการใช้งานของเบอร์ต้องสงสัย ทั้งรูปแบบการใช้งาน ประวัติการติดต่อกับเหยื่อผู้เสียหาย หรือแม้แต่การใช้งานบนอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมาย นับเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามผู้กระทำความผิดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีทางกฎหมายได้เร็วยิ่งขึ้น