ไอบีเอ็ม ติดอาวุธ “AI-ออโตเมชัน” เร่งทรานสฟอร์มองค์กรในไทยสู่ดิจิทัล

06 ก.ย. 2567 | 08:13 น.

ไอบีเอ็ม เดินหน้านำเทคโนโลยี ไฮบริดคลาวด์-AI-ระบบออโตเมชัน ทรานสฟอร์มองค์กรในไทย มุ่งขยายพาร์ทเนอร์ ขยายระบบนิเวศ เจาะลึกเข้าไปในแต่ละภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกลุ่มเอสเอ็มอี ระบุชัด AI ไม่ควรกระจุกตัว ใช้งานเฉพาะในบริษัทใหญ่ๆ แต่ต้องเข้าไปช่วยทุกองค์กร

KEY

POINTS

นายอโณทัย กล่าวต่อไปว่า ไอบีเอ็มเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในไทยมา 72 ปี โดยที่ผ่านมามีการทรานสฟอร์มตัวเองไปสู่องค์กรโมเดิร์นไนซ์ สิ่งที่อยู่ใน DNA ของไอบีเอ็มคือ การค้นคิด ประดิษฐ์  นวัตกรรม นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่ยังคงมุ่งให้ความสำคัญ กับ คุณค่าหลัก(Core Value) ที่ช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จจากการนำเทคโนโลยีไอบีเอ็มมาใช้  ในแง่ของนวัตกรรมนั้นจะต้องเหมาะสม กับลูกค้า ภาคอุตสาหกรรม และผู้คนจริงๆ ที่สำคัญยังยึดมั่นในเรื่องของความไว้วางใจของลูกค้า และรับผิดชอบที่สิ่งให้คำมั่นสัญญาไว้   

โดยช่วง 7 เดือนที่เข้ามาบริหารไอบีเอ็มได้ยึดมั่นในคุณค่าหลักเหล่านี้ ทั้งนี้ไอบีเอ็มเป็นบริษัทเก่าแก่ มีฐานลูกค้าจำนวนมากครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ที่ไว้วางใจ  หรือเชื่อถือในไอบีเอ็ม โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ในกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน จากการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเหล่านี้ ไอบีเอ็มกำลังมองว่าจะสามารถสร้างงอิมแพคให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมครอบคลุมทุกๆกลุ่มได้อย่างไร จึงมีแนวคิดการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายระบบนิเวศ โดยจะขยายตัวแทนจำหน่าย ที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละภาคอุตสาหกรรม เพื่อเจาะเข้าไปในแต่ละภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มองค์กรขนาดกลาง และเอสเอ็มอี  

โดยเฉพาะการนำ AI ไปช่วยทุกองค์กร AI ไม่ควรกระจุกตัวมีใช้งานเฉพาะในองค์กรใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ควรนำ AI และออโตเมชันต้องเข้าไปข่วยทุกองค์กร ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประเทศที่มีความสามารถการแข่งขันสูง โดยวันนี้มีความท้าทายเกิดขึ้นมากมายในทุกอุตสาหกรรรม ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคเปราะบาง มีความกังวลเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ง่าย

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารส่วนงานเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าทิศทางการดำเนินการของไอบีเอ็ม ประเทศไทย คือ มุ่งทรานสฟอร์มองค์กรในประเทศไทยไปสู่ดิจิทัล  โดยไอบีเอ็มถือเป็นบิ๊กบลู ที่มีเทคโนโลยีครอบคลุมตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ บริษัทขนาดกลาง และเอสเอ็มอี 

ไอบีเอ็ม ติดอาวุธ “AI-ออโตเมชัน” เร่งทรานสฟอร์มองค์กรในไทยสู่ดิจิทัล

โดยไอบีเอ็มมุ่งนำเทคโนโลยีเกิดใหม่ (Emerging Technology) โดยเฉพาะที่เป็นกระแสมากสุดขณะนี้ คือ AI ที่ไอบีแอ็ม โฟกัสกลุ่มตลาดองค์กร  ซึ่งที่ผ่านมาพบความเคลื่อนไหวมากมายที่ทำโครงการนำร่องด้าน AI ทั้งกับไอบีเอ็ม และผู้ให้บริการรายอื่น    

อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่าองค์กร 1 ใน 3 ที่ทำโครงการนำร่อง AI  ยุติการดำเนินการไป เนื่องจากพบว่าตัวเองไม่พร้อม และพบว่ามีความเสี่ยง ทั้งความน่าเชื่อถือ ความเป็นส่วนตัว และไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ขณะที่ 2 ใน 3 ขององค์กรเดินหน้าการพัฒนา AI ต่อ โดยเริ่มขยายโครงการนำร่องจากทีมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ใช้แปลภาษา หรือ บันทึกรายงานการประชุม ไปยังโครงการที่มีความสำคัญทางธุรกิจมากขึ้น เช่น การเขียนโค้ดโปรแกรม หรือ อนุมัติสินเชื่อ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความสามารถการแข่งขันมากขึ้น โดยปลายปีนี้จะเริ่มเห็นภาพความก้าวหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น 

นายอโณทัย กล่าวต่อไปอีกว่าไอบีเอ็มมุ่งให้ความสำคัญไปที่ 3 เทคโนโลยีหลัก ประกอบด้วย

1.เทคโนโลยีไฮบริดคลาวด์ โดยจากความร่วมมือระหว่างไอบีเอ็มกับ Red Hat ทำให้ Red Hat OpenShift ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการการทำงานบนไฮบริดคลาวด์ ถูกติดตั้งไปในทุกโซลูขันของไอบีเอ็ม ทำให้ไอบีเอ็มเป็นไฮบริดคลาวด์บายดีไซน์สำหรับองค์กร ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของทุกองค์กรที่ต้องการใช้ประโยชน์จากดาต้า พลังของระบบไอที ระบบอัตโนมัติ และ AI

 2. AI ภายใต้ผลิตภัณฑ์วัตสัน เอ็กซ์ (Watson X) ที่ประกอบด้วยไอบีเอ็ม watsonx.ai: สตูดิโอ AI พร้อมใช้สำหรับองค์กรสำหรับการฝึก ตรวจสอบ ปรับใช้ และติดตั้งโมเดล AI ซึ่งรวมถึง foundation models ที่ขับเคลื่อน Generative AI , IBM watsonx.data: ดาต้าสโตร์ที่พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม lakehouse แบบเปิด ที่ปรับให้เหมาะกับเวิร์คโหลด AI ที่ต้องกำกับดูแล พร้อมฟังก์ชั่นในการ query กำกับดูแล และรูปแบบข้อมูลเปิดเพื่อการเข้าถึงและแชร์ข้อมูล  สามารถจัดการเวิร์คโหลดทั้งแบบ on-premise และในสภาพแวดล้อมแบบ multi cloud โดย Watsonx.data มาพร้อมเครื่องมือกำกับดูแล ออโตเมชัน และอินทิเกรชันแบบบิวท์อิน ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลและเครื่องมือขององค์กรเพื่อให้การติดตั้งและใช้งานระบบเป็นไปอย่างง่ายดาย

และ IBM watsonx.governance: โซลูชัน end-to-end สำหรับการกำกับดูแลข้อมูลและ AI ตอบโจทย์เรื่องความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือ ซึ่งหากองค์กรพัฒนา AI โดยไม่มีกรอบธรรมาภิบาล อนาคตหากไทยมีกฎระเบียบกำกับ AI ออกมา องค์กรเหล่านั้นจะไม่สามารถไปต่อได้

3. ระบบอัตโนมัติ หรือ ออโตเมชัน   ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการธุรกิจองค์กร เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร   โดยยุคนี้มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว  องค์กรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล AI อาจเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยองค์กร   แต่ “ออโตเมชัน” คือหัวใจสำคัญในการปฎิบัติการขององค์กร ช่วยให้องค์กร  เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล