กสทช. เตรียมลงดาบ โอทาโรเวิลด์ฯ พบผิดปกติทราฟฟิคเบอร์คล้ายกรุงไทย-SCB

19 ก.พ. 2567 | 14:14 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.พ. 2567 | 14:22 น.

กสทช. เตรียมลงดาบ เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังพบ บริษัท โอทาโรเวิลด์ฯ นำเข้าทราฟฟิคเบอร์ 2-111-1111 และ 2-777-7777 คล้าย กรุงไทย และ SCB ต้นทางจากแอฟริกาใต้ ล่าสุดสั่งระงับบริการแล้ว

นายพชร นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. ด้านเทคโนโลยี พัฒนาธุรกิจ และนโยบายภาครัฐ เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ กสทช. เร่งรัดแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนนั้น

ล่าสุด กสทช. ได้ดำเนินการตรวจสอบ บริษัท โอทาโร เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เรียกตรงระหว่างประเทศ (IDD) เนื่องจากพบว่า มีทราฟฟิคของ บริษัทฯ ส่งไปยังผู้ให้บริการรายอื่นๆ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ 2-111-1111 และ 2-777-7777 ซึ่งคล้ายกับหมายเลขโทรศัพท์ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์

นายพชร กล่าวว่า การตรวจสอบ กสทช. พบว่า บริษัท โอทาโร เวิลด์ฯ ได้รับ VoIP ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศ 2 ราย ได้แก่

  • 1. บริษัท SNI COMMUNICATION PRIVATE LIMITED
  • และ 2. บริษัท CREATIVE GLOBAL NETWORKS PTE.LTD. ซึ่งเป็นหมายเลขของประเทศแอฟริกาใต้ขึ้นต้นด้วย 27 เมื่อนำทราฟฟิคเข้ามาในประเทศไทย มีกระบวนการต่อมา คือ เพิ่มเลข 0 เข้าไปข้างหน้า ให้เข้าใจผิดว่า เป็นหมายเลข 02-111-1111 และ 02-777-7777

การกระทำดังกล่าว ถือว่า บริษัทนำทราฟฟิคเข้ามาในประเทศไทย เพื่อสามารถเรียกไปยังผู้ใช้บริการโทรศัพท์ประจำที่ และ/หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ ดังนั้น แม้ว่าบริษัทจะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กสทช. ก็ตาม แต่หากบริษัทให้บริการเกินขอบเขตไปจากที่ กสทช. อนุญาต ก็อาจเข้าข่ายเป็นการให้บริการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก กสทช.  ถือเป็นความผิดใน มาตรา 67 (3) แห่งพ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544

 

นายพชร นริพทะพันธุ์

อย่างไรก็ตาม แม้ บริษัท โอทาโร เวิลด์ฯ ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวข้องและได้ระงับทราฟฟิคหมายเลขดังกล่าวไป แต่ กสทช. ก็ตรวจพบว่ายังมีทราฟฟิคที่เข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งปรากฏเลขหมายลักษณะเดียวกันหลายครั้ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนต่อผู้ใช้บริการในประเทศ อาจเข้าข่ายพฤติกรรมมีลักษณะเป็นการชักจูง หลอกลวง ให้ประชาชนหลงเชื่อในลักษณะของมิจฉาชีพได้

นายพชร กล่าวอีกว่า กสทช.ได้รวบรวมหลักฐานทั้งจากการส่งทีมเจ้าหน้า เข้าตรวจสอบสถานประกอบการ บริษัท โอทาโร เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และขอให้บริษัทส่งข้อมูลชี้แจงมายัง กสทช. หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

“กสทช. ขอเตือนว่า ห้ามมิให้ผู้ใดนำโครงข่ายโทรคมนาคม หรือนำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขอผู้รับใบอนุญาตไปใช้ในการประกอบธุรกิจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือเผยแพร่ซึ่งข้อมูลอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และต้องสนับสนุนหน่วยงานรัฐและเอกชนในการดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญที่สุด” นายพชรกล่าวย้ำ.