ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยถึงเผยการดำเนินงานในปี 2566 ว่า ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เติบโต 19.70% รวมถึงมีปริมาณชิ้นงานสะสมสูงกว่าปี 2565 กว่า 26.18% โดยในปีนี้ยังเร่งเดินหน้าบทบาทขนส่งของชาติ เพิ่มโอกาสให้กับทุกภาคส่วนด้วย บุคลากร-เครือข่ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ คุณภาพบริการที่รวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานและเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าภาคส่วนนี้ก็ต้องเผชิญกับความผันผวนทั้งต้นทุนพลังงาน การแข่งขันด้านราคา สภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ รวมถึงเพิ่มโซลูชันการบริการเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
“ตลอดปี 2566 ไปรษณีย์ไทยมีการปรับตัวเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดกับคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้ใช้บริการพึงพอใจเลือกใช้บริการ และสามารถทำรายได้รวมเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2565 และพลิกฟื้นไม่อยู่ในภาวะขาดทุน โดยสร้างรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจศักยภาพหลักซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ ธุรกิจระหว่างประเทศ และธุรกิจค้าปลีก-การเงิน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดคือ ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งมีรายได้สูงกว่าปี 2565 ถึง 19.70% และมีปริมาณชิ้นงานสะสมสูงกว่าปี 2565 กว่า 26.18% จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทุกภาคส่วนที่มั่นใจใช้บริการกับไปรษณีย์ไทยตลอดปี 2566 ยืนยันได้จากผลสำรวจความเชื่อมั่นแบรนด์ไปรษณีย์ไทย ปี 2566 ที่สูงถึง 91.30%”
ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปีนี้ ไปรษณีย์ไทยเล็งเห็นถึงการเพิ่มโอกาสให้กับตลาด สังคม และภาคเศรษฐกิจ ด้วยการใช้ศักยภาพของธุรกิจส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการทุกภาคส่วน ด้วย บุคลากร-เครือข่ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ โดยมีบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 ราย รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์และเครือข่ายเพื่อนพี่ไปรฯ ทั่วประเทศรวมกว่า 30,000 แห่ง กระจายในทุกพื้นที่ยุทธศาสตร์ ที่สะดวกต่อการเข้ารับบริการ ความครบครันเพื่อผู้ใช้บริการ ด้วยการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตรงใจผู้บริโภค อาทิ บริการ Courier Lite จัดส่งด่วนต่างประเทศครอบคลุม 33 ปลายทาง เพื่อขยายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าได้จัดส่งสินค้ากลุ่มอาหารแห้ง และอื่น ๆ ในราคาประหยัด การส่งสินค้าที่ต้องการโซลูชันเฉพาะตัว เช่น ปลาสวยงาม ผลผลิตทางการเกษตร สิ่งของขนาดใหญ่ สิ่งของรูปร่างพิเศษ เป็นต้น คุณภาพบริการ โดยเฉพาะบริการส่งด่วน EMS ที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็ว แม่นยำ จากระบบเทคโนโลยีดิจิทัล “GPS Tracking” ที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์ ตรงต่อเวลา การนำจ่ายที่รวดเร็ว ทุกปลายทาง บริการรับฝาก-นำจ่ายทั่วทุกพื้นที่แม้เป็นพื้นที่ห่างไกล รวมถึงนำจ่ายทุกวันไม่เว้นวันหยุดและความปลอดภัยตลอดกระบวนการขนส่ง
สำหรับในปี 2567 ไปรษณีย์ไทยยังมีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ภาคธุรกิจออนไลน์ รวมถึง SME ให้ได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากการใช้ระบบขนส่งที่มีคุณภาพ ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมส่งต่อคุณภาพที่ดีที่สุดให้ประชาชนอีกด้วย.