นายจองฮี ฮัน รองประธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าฝ่าย DX ของซัมซุง กล่าวว่า AI จะช่วยให้การเชื่อมต่อในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ง่ายขึ้นอย่างไร โดย AI นั้นจะ “ทำงานอยู่เบื้องหลัง” และไม่รบกวนการใช้งาน เน้นเสริมสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่ออุปกรณ์ ที่ง่ายและมีประโยชน์มากขึ้น พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายซึ่งซัมซุงพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้
“การถือกำเนิดของ AI จะช่วยสร้างนิยามใหม่ของชีวิตที่สมาร์ทขึ้นและดียิ่งขึ้น”
นายฮัน กล่าวต่อไปว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่ทั้งทรงพลังและหลากหลาย รวมไปถึงความตั้งใจของเราที่มุ่งสานความร่วมมือแบบเปิดจะช่วยมอบทั้ง AI และการเชื่อมต่อในทุกระดับสู่ผู้บริโภคทุกคน”
จอภาพ-เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ AI มอบประสบการณ์ใหม่
นายโจนาธาน กาบรีโอ หัวหน้าศูนย์ประสบการณ์การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ของซัมซุง สหรัฐฯ นำเสนอแนวทางว่า AI จะช่วยปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานของทั้งผลิตภัณฑ์จอภาพและเครี่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ทีวี Neo QLED 8K QN900D มีโปรเซสเซอร์ AI, NQ8 AI Gen 3 ซึ่งมาพร้อม AI Neural Network ที่ดีกว่าถึง 8 เท่า และ NPU ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า ให้ทีวีสามารถอัปเกรดคอนเทนต์ที่มีความละเอียดต่ำขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การรับชมคุณภาพสูงสุดระดับ 8K และเพิ่มความคมชัดของภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็วด้วย AI Motion Enhancer Pro และยังมี Active Voice Amplifier Pro ช่วยวิเคราะห์เสียงพูดและเสียงพื้นหลังโดย AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับฟังเสียงของผู้ใช้ ให้ผู้ใชได้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์ต่างๆ ราวกับอยู่ติดขอบสนามกีฬาหรือนั่งแถวหน้าในโรงภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมี Tizen OS Home ซึ่งนำเสนอแอป บริการ คอนเทนต์ส่วนบุคคล และคำแนะนำบริการล่าสุดเพื่อยกระดับประสบการณ์ความบันเทิงของผู้ใช้
ซัมซุงยังนำเสนอนวัตกรรมล้ำหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้ชมที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ฟีเจอร์ภาษามือในทีวี Neo QLED TV ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้บกพร่องทางการได้ยินโดยการใช้ท่าทาง และมีฟีเจอร์ Audio Subtitle เปลี่ยนคำบรรยายเป็นเสียงพูดแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บกพร่องทางการมองเห็น
ซัมซุงยังนำเสนอโปรเจคเตอร์ The Premiere 8K ที่ฉายภาพได้กว้างถึง 150 นิ้ว และยังเป็นโปรเจคเตอร์รุ่นแรกที่ถ่ายทอดสัญญาณ 8K ได้แบบไร้สาย ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา เทียบเท่ากับโรงภาพยนตร์แม้อยู่ที่บ้าน
ด้านเสียง ซัมซุงนำเสนอ Music Frame ลำโพงที่ผู้ใช้ปรับแต่งฝาหน้าให้เข้ากับบ้านได้ มาพร้อมฟีเจอร์ Q-Symphony ที่สามารถซิงก์ลำโพงเข้ากับทีวีและซาวด์บาร์ของซัมซุง เสริมพลังเบสและเสียงรอบทิศทางด้วยวูฟเฟอร์ในตัวอย่างง่ายดาย
ซัมซุงได้ทำการอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ให้กับ Ballie หุ่นยนต์ AI ทรงกลมกลิ้งได้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน CES 2020 เป็นเหมือน AI เพื่อนคู่ใจ ที่สามารถโต้ตอบกับสมาร์ทดีไวซ์อื่นเพื่อนำเสนอบริการต่างๆ ทั้งการแสดงผลภาพหรือวิดีโอต่างๆ บนผนัง ช่วยให้ผู้ใช้ทราบข้อมูลในชีวิต ประจำวัน ทั้งสภาพกาศหรือข้อมูลที่จำเป็นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน
เพื่อเสริมประสบการณ์ด้านอาหารและในห้องครัว ซัมซุงนำเสนอตู้เย็น Bespoke 4-Door Flex พร้อม AI Family Hub+ ที่มีหน้าจอขนาด 32 นิ้วที่รองรับ AI Vision Inside ที่จะใช้กล้องภายในตู้เย็นตรวจจับวัตถุดิบสดที่นำมาแช่หรือนำออกมาได้ถึง 33 ชนิด พร้อมแนะนำสูตรอาหารจากวัตถุดิบเหล่านั้น ผู้ใช้สามารถตั้งรายการกำหนดวันหมดอายุของอาหารผ่านหน้าจอของตู้เย็นได้ เพื่อให้ตู้เย็นแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงวันหมดอายุของอาหาร AI ในตู้เย็นนี้ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นจากการลดขยะที่เกิดจากอาหารพร้อมทั้งช่วยให้ผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์ที่ รักษ์โลกมากขึ้น นอกจากนี้ เตาอินดักชั่น Anyplace ยังยกระดับไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์ AI ที่สูตรอาหารที่บันทึกไว้ใน Samsung Food จะส่งมาที่หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ของเตาให้ผู้ใช้ประกอบอาหารได้สะดวกขึ้น
AI ของซัมซุงยังครอบคลุมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย อย่าง เครื่องซักและอบผ้า new Bespoke AI Laundry Combo มีหน้าจอ LCDขนาด 7 นิ้ว AI Hub ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการซักและอบผ้า ให้ผู้ใช้สั่งการได้ง่าย ฟีเจอร์นี้จะจดจำรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ อาศัยการเรียนรู้ของเครื่องจักรเพื่อให้คำแนะนำ นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น Bespoke Jet Bot Combo ใช้ AI เพื่อให้การทำความสะอาดบ้านที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์การตรวจจับวัตถุด้วยที่พัฒนาขึ้นจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นก่อนหน้าสามารถแยกแยะประเภทวัตถุได้มากขึ้น ตรวจจับที่ว่างและคราบสกปรกต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ยังสามารถตรวจจับชนิดของพื้นและความยาวของพรม ก่อนจะปรับตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมได้เอง
แล็ปท็อป Galaxy Book ที่พร้อมรองรับ AI ได้ดีที่สุด
ซัมซุงมุ่งมั่นยกระดับสิ่งที่คอมพิวเตอร์ PC จะทำได้ และสานความร่วมมือกับ Microsoft เพื่อสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ใหม่และไร้รอยต่อกว่าเดิม ประสบการณ์เหล่านี้จะได้รับการยกระดับไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์การเชื่อมต่อใหม่ๆ เพื่อให้แล็ปท็อป Galaxy Book4 ทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้น อัจฉริยะขึ้น และหลากหลายขึ้น เพื่อช่วยเสริมย้ำความมุ่งมั่นของทั้งซัมซุงและ Microsoft เพื่อมอบประสบการณ์ PC ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Microsoft Copilot คือผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยเชื่อมต่อแล็ปท็อป Galaxy Book4 กับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ให้ทำงานได้ร่วมกันอย่างไร้รอยต่อเหมือนเป็นอุปกรณ์เดียวกัน Microsoft Copilot สามารถค้นหา อ่าน และสรุปข้อความจากสมาร์ทโฟนและช่วยสร้างและส่งข้อความในนามของผู้ใช้ได้จาก PC แล็ปท็อปยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนและเข้าถึงแอปต่างๆ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและอัจฉริยะยิ่งขึ้น
Galaxy Book4 ยังสามารถเปลี่ยนกล้องคุณภาพสูงของสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่เป็น PC webcam เพื่อการวิดีโอคอลหรือใช้งานกับแอปประชุมออนไลน์ต่างๆ ให้ผู้ใช้สามารถสลับกล้องหน้าและหลังได้อย่างอิสระเพียงคลิกจากบน PC และยังสามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ของกล้องในสมาร์ทโฟน เช่น การเบลอฉากหลังหรือออโต้เฟรมมิ่งเพื่อช่วยโฟกัสผู้พูดไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด
ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างซัมซุงและ Microsoft ช่วยนำเสนอฟีเจอร์อัจฉริยะต่างๆ ในแล็ปท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด โดยฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่กล่าวทั้งหมดข้างต้นจะใช้งานได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ Galaxy Book4 สามารถจับคู่กับอุปกรณ์กาแล็คซี่อื่นๆ นอกเหนือจากสมาร์ทโฟน เช่น แท็บเล็ต Tab S9 Ultra เพื่อใช้เป็นหน้าจอ อีกหน้าจอหนึ่ง หรือรับฟังเสียงที่คมชัดจากหูฟัง Galaxy Buds2 Pro เพราะ Galaxy Book4 ออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์ PC ที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
เชื่อมต่อผู้ใช้กับอุปกรณ์ด้วยแนวคิดความฉลาด Spatial Intelligence
นายแจยอง จุง รองประธานบริหารและหัวหน้าทีม SmartThings กล่าวถึงวิธีใหม่ๆ AI จะเชื่อมโยงผู้ใช้กับอุปกรณ์ได้ดีขึ้น รวมถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของ SmartThings นั่นคือ ยิ่งผู้ใช้ใช้อุปกรณ์ของซัมซุงร่วมกันมากขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ จะฉลาดมากขึ้น และอุปกรณ์เหล่านี้จะเข้าใจและช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น
แนวคิด Spatial AI คือหัวใจที่จะทำให้วิสัยทัศน์ข้างต้นเป็นความจริง โดยแนวคิดนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ รับรู้พื้นที่อยู่อาศัยและกิจวัตรประจำวันของผู้ใช้ จึงสามารถมอบประสบการณ์การจัดการบ้านแบบเฉพาะตัวได้มากขึ้น SmartThings ใช้ LiDAR ในอุปกรณ์ต่างๆ อย่าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเพื่อสร้างผังห้องแบบดิจิทัล ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบสถานะและตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป SmartThings จะอัปเกรดคุฟีเจอร์มุมมองแผนที่ 3D ให้กับสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวีของซัมซุงเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนเข้าสู่ SmartThings Ecosystem ได้โดยใช้คิวอาร์โค้ด ทุกคนจึงสามารถสร้างระบบการทำงานแบบกิจวัตรของตนได้
SmartThings จะใช้สมาร์ทเซนเซอร์และ AI เพื่อตรวจจับสถานการณ์ผิดปกติ เช่น การพลัดตก และแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวที่ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้ยังสามารถติด Galaxy SmartTag2 ไว้กับปลอกคอหรือสายจูงเพื่อใช้ติดตามสัตว์เลี้ยงและจัดเก็บข้อมูลของสัตว์เลี้ยงแบบดิจิทัล
อีกหนึ่งประเด็นที่คุณจุงอภิปราย คือ Bixby จะช่วยให้อุปกรณ์สมาร์ทโฮมมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ด้าน AI Bixby สามารถส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับคำสั่งนั้นที่สุดโดยอ้างอิงจากตำแหน่งและกิจกรรมของผู้ใช้ เทคโนโลยีหลักๆ Multi Device Wakeup และโปรโตคอลการสื่อสารที่ทำงานร่วมกันได้ ช่วยให้ Bixby ฟังคำสั่งได้โดยใช้อุปกรณ์ทุกชิ้นในห้องแต่จะทำตามคำสั่งโดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด เช่น หากผู้ใช้ดูกำลังคลิปสูตรอาหารในห้องครัวโดยใช้ Family Hub เมื่อผู้ใช้สั่งว่า “Bixby! เปิดเพลง!” เพลงจะเล่นจากสมาร์ท สปีกเกอร์ แต่คลิปสูตรอาหารจาก Family Hub จะเล่นต่อไป
สมาร์ททีวีที่มีบริการ Samsung Daily+ จะค่อยๆ เป็นศูนย์กลางของระบบสมาร์ทโฮม และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการต่างๆ เพิ่มเติมอีกมาก รวมถึงบริการวิดีโอคอลผ่าน ConnecTime เพื่อขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์แบบออนไลน์ หรือการตรวจจับการออกกำลังกาย ซึ่งจะบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายที่โอนมาจากสมาร์ทวอชได้ ในโอกาสนี้ ซัมซุงยังนำเสนอบริการ Samsung Now+ ใหม่ซึ่งจะแสดงข้อมูลบ้านของผู้ใช้ เช่น สภาพอากาศ ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งแสดงผลได้แม้ไม่ได้เปิดทีวี ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลได้ด้วยการสั่งการผ่านเสียงผ่าน SmartThings