ZTE จัดทัพสมาร์ทโฟน 5G บุกตลาดครึ่งปีหลัง

นายชอว์น เผย ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจแซดทีอี โมบาย ดีไวซ์ บริษัทแซดทีอี คอร์ปอเรชัน เปิดเผยว่า บริษัทแซดทีอี ไม่เพียงแต่พัฒนาเครือข่ายการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ในด้านการพัฒนาสมาร์ทโฟน แซดทีอี ดีไวซ์ ยังคงเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์สมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้รวดเร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้นด้วย เพื่อรองรับกับความต้องการใช้งานดาต้าบนมือถือที่เพิ่มขึ้นในทุกวัน 

ความต้องการใช้ดาต้าบนมือถือที่มากขึ้นนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาด    สมาร์ทโฟน 5G  ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต การเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G เป็นพัฒนาการโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ทุกสิ่งเชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง หรือ Internet of Everything (IoE) ผู้คนสามารถเชื่อมถึงกัน และทุกสิ่งสามารถเชื่อมต่อกันได้

การพัฒนาเทคโนโลยี 5G ที่ไม่หยุดยั้ง ยังช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ให้เติบโตก้าวไปสู่ระดับโลก สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ และทำให้ใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนสะดวกรวดเร็วขึ้นด้วยสมาร์ทโฟน 5G  สามารถใช้โทรศัพท์ได้ไม่สะดุดทั้งบนรถไฟฟ้าและรถใต้ดิน ในลิฟต์ หรือสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่มีสัญญาณต่ำ

นอกจากนี้ 5G ยังมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ ขยายตัวมากขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมความบันเทิง เพลง วิดีโอ และตลาดเกม เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญสำหรับตลาดโทรคมนาคม อี-คอมเมิร์ซ การชอปปิ้งออนไลน์ผ่านมือถือที่ขยายตัวมากขึ้น รวมไปถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ สุขภาพ ทางการแพทย์ และการศึกษาด้วยเช่นกัน

“ภูมิทัศน์ตลาดมือถือไทยกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ผ่านเทคโนโลยี 5G  ในขณะที่สมาร์ทโฟน 5G ของ ZTE ก็มาพร้อมกับนวัตกรรมที่ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ภายในบ้าน และควบคุมระบบภายในบ้านจากระยะไกลได้ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับยานพาหนะต่าง ๆ ได้ สามารถรับส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ และเมื่อใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม IoT และ AI ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สมาร์ทโฟน 5G เป็นอุปกรณ์หลักที่ทำให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตง่าย สะดวกรวดเร็วขึ้น  5G พัฒนาคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นสำหรับการสตรีมและการสร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอทุกรูปแบบ ทั้งยังทำให้ผู้คนสามารถสร้างรายได้บนออนไลน์จากสมาร์ทโฟน 5G ในราคาที่เข้าถึงได้” นายชอว์น กล่าว

สำหรับแผนการทำตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ภายใต้แบรนด์ ZTE ประเทศไทย จะเน้นทำตลาด 3 แบรนด์ ได้แก่  Blade, nubia และ REDMAGIC เน้นเจาะกลุ่มสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้งานทุกช่วงวัย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ที่ใช่ โดยจะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จำนวน 5 รุ่น ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลกให้กับผู้บริโภคชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสุดยอดประสบการณ์เต็มหน้าจอ (Full Screen Experience) และนวัตกรรมกล้องใต้หน้าจอเจนเนอร์เรชัน 4 (The 4th Generation Underdisplay Camera) และการพัฒนาสมาร์ทโฟนเพื่อเป็นที่หนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนอีสปอร์ต เพื่อตอบความต้องการที่หลากหลายและครบทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนในตระกูล Blade ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ฮีโร่ของ ZTE โดยมียอดขายทั่วโลกกว่า 100 ล้านเครื่อง สามารถครองใจผู้บริโภคกลุ่มวัยหนุ่มสาวและผู้หลงไหลในเทคโนโลยีจำนวนมาก ด้วยการออกแบบระดับพรีเมียม และให้ประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียมด้วยคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ใช้มือถือแสวงหาความสุขในชีวิตและใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารกับผู้คนทั่วโลก

นอกจากนี้ยังสร้างการรับรู้ในตลาดสมาร์ทโฟนเกมมิ่ง ภายใต้แบรนด์ nubia เป็นสมาร์ทโฟนตอบโจทย์กลุ่มเจนเนอเรชั่น Z ที่แสวงหาประสบการณ์และผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่แตกต่าง และตรงกับไลฟ์สไตล์ เช่น กลุ่มเทรนดี้ อาร์ต ผู้ที่ชื่นชอบดนตรี การเต้น ของเล่น การตั้งแคมป์ และสตรีท อาร์ต เป็นต้น

ขณะที่แบรนด์ REDMAGIC สมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งในกลุ่ม E-sports แบบฮาร์ดคอร์ ZTE วางตำแหน่งแบรนด์ให้เป็นอุปกรณ์เล่นเกมสำหรบกลุ่มคนผู้เล่นทั่วโลก มุ่งเจาะกลุ่ม Gen-Z หรือกลุ่มคนหนุ่มสาวชอบท้าทายตนเอง ไล่ตามเทรนด์และมีลักษณะเฉพาะตัว ดังนั้นสมาร์ทโฟน REDMAGIC จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพ Snapdragon 8+ Gen 2 จากควอลคอมม์ สะท้อนความสำเร็จและความก้าวหน้าที่แซดทีอี ได้บรรลุในด้านนวัตกรรมจอแสดงผล ระบบความมั่นคงปลอดภัย และการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ทั้งนี้สมาร์ทโฟน 5G ของ ZTE ได้ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 75% ของตลาดโลกในเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา