จี้ กขค.ศึกษาผูกขาดอีคอมเมิร์ซ หลัง JD CENTRAL ยุติบริการ

30 ม.ค. 2566 | 14:38 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2566 | 14:41 น.

กูรูอีคอมเมิร์ซ จี้ กขค. ศึกษาผูกขาดอีคอมเมิร์ซ หลัง JD CENTRAL ประกาศยุติการให้บริการ 3 มี.ค.นี้ ทำให้เหลือผู้เล่น 2 รายคือ”ลาซาด้า- ช้อปปี้” ระบุเข้าข่ายผูกขาดรุนแรงกว่าธุรกิจค้าปลีก

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com  กล่าวว่าการประกาศยุติบริการแพลตฟอร์ม JD CENTRAL ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 มีนัยยะสำคัญกับตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเป็นอย่างมาก  เนื่องจากจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย    ทำให้แบรนด์มีทางเลือกหรือ ช่องทางการขายลดลง    

จี้ กขค.ศึกษาผูกขาดอีคอมเมิร์ซ หลัง JD CENTRAL ยุติบริการ

 

และ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ต้องเริ่มเข้ามาศึกษาผลกระทบจากกรณีที่ผู้ให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสไทยเหลือ 2 ราย  เพราะการผูดขาดทางการค้าจะรุนแรงกว่าธุรกิจค้าปลีก   อีกทั้ง 2 รายกำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะท่ำกำไร   สามารถควบคุมหรือ บีบร้านค้า    ซึ่งปลายปีที่ผ่านมา ลาซาด้า  ก็มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากร้านค้าเพิ่มขึ้น     

ส่วนการยุติให้บริการแพลตฟอร์ม JD CENTRAL   มีข่าวมาเป็นระยะแล้ว  ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัล ได้ประกาศถอนตัวจาก JD CENTRAL    ภายหลังจากปี 2560   ได้ประกาศร่วมทุนกับกลุ่ม JD.com สัดส่วน 50:50  และทุ่มเม็ดเงิน 17,500 ล้านบาท เพื่อก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย    อย่างไรก็ตามตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีการแข่งขันรุนแรง      ซึ่งก่อนหน้านี้ Rakuten  ยักษ์อีคอมเมิร์ซจากญี่ปุ่น   และอีเลฟเว่นสตรีท  จากเกาหลีใต้   ได้ถอนการลงทุนในไทยไป