นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com กล่าวว่าการประกาศยุติบริการแพลตฟอร์ม JD CENTRAL ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 มีนัยยะสำคัญกับตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 ราย ทำให้แบรนด์มีทางเลือกหรือ ช่องทางการขายลดลง
และ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ต้องเริ่มเข้ามาศึกษาผลกระทบจากกรณีที่ผู้ให้บริการอีมาร์เก็ตเพลสไทยเหลือ 2 ราย เพราะการผูดขาดทางการค้าจะรุนแรงกว่าธุรกิจค้าปลีก อีกทั้ง 2 รายกำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะท่ำกำไร สามารถควบคุมหรือ บีบร้านค้า ซึ่งปลายปีที่ผ่านมา ลาซาด้า ก็มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากร้านค้าเพิ่มขึ้น
ส่วนการยุติให้บริการแพลตฟอร์ม JD CENTRAL มีข่าวมาเป็นระยะแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัล ได้ประกาศถอนตัวจาก JD CENTRAL ภายหลังจากปี 2560 ได้ประกาศร่วมทุนกับกลุ่ม JD.com สัดส่วน 50:50 และทุ่มเม็ดเงิน 17,500 ล้านบาท เพื่อก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย อย่างไรก็ตามตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีการแข่งขันรุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ Rakuten ยักษ์อีคอมเมิร์ซจากญี่ปุ่น และอีเลฟเว่นสตรีท จากเกาหลีใต้ ได้ถอนการลงทุนในไทยไป