เอ็นทีที เปิดบริการแพลตฟอร์มเครือข่าย Private 5G ครั้งแรกทั่วโลก

11 ส.ค. 2564 | 19:53 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2564 | 03:01 น.

เอ็นทีที จำกัด (NTT Ltd.) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม Private 5G (P5G) แพลตฟอร์มบริการเครือข่าย Private LTE/5G ที่ให้บริการทั่วโลกเป็นครั้งแรก

NTT P5G เป็นแพลตฟอร์มบริการเครือข่าย (Network-as-a-Service) แบบ end-to-end ครบวงจรที่เป็นมากกว่าการให้บริการเชื่อมต่อทั่วไป โดยจะช่วยให้ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (Chief Information Officer) และเจ้าหน้าที่บริหารทางดิจิทัลระดับสูง (Chief Digital Office) ใช้ประโยชน์จากบริการ Private 5G เพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจและสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตขององค์กร

NTT P5G ใช้ประโยชน์จากหลักการคิดเชิงออกแบบเพื่อผสานรวมการรักษาความปลอดภัย การควบคุม และความเป็นส่วนตัว ด้วยประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่สะท้อนด้วยผล ROI ที่ชัดเจน แพลตฟอร์มทำงานบนสถาปัตยกรรม Cloud Native สามารถให้บริการได้ทั้งแบบผ่านระบบคลาวด์ On-Premise Cloud และ Edge โดยแพลตฟอร์ม NTT P5G ได้ผสานเทคโนโลยีของพันธมิตรด้านเครือข่ายและพันธมิตรซอฟต์แวร์ชั้นนำไว้ด้วยกัน ทำให้การใช้งานมีความปลอดภัย สามารถขยายและแบ่งกลุ่มเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่น และด้วยเทคโนโลยี MicroSlicing™ ที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร NTT P5G ทำให้การใช้งานแอพพลิเคชั่นแบบ mission-critical ได้ประโยชน์เต็มที่บนเครือข่าย Private 5G

เอ็นทีที เปิดบริการแพลตฟอร์มเครือข่าย Private 5G ครั้งแรกทั่วโลก

การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลขององค์กรด้วยระบบคลาวด์และระบบอัตโนมัติ เป็นหัวใจสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ของ NTT Private 5G โดยเอ็นทีทีมุ่งผลักดันให้เกิดการใช้บริการ Private 5G ที่มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมต่างๆ  เช่น ยานยนต์ การผลิต การดูแลสุขภาพ และการค้าปลีก สร้างการจัดรูปแบบข้อมูล การเชื่อมต่อ ความปลอดภัย และการสื่อสาร อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเอ็นทีทีเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่นำเสนอเครือข่ายระดับโลกที่ดีที่สุด มีความเชี่ยวชาญเชิงลึกและมีความสามารถในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและการจัดการอย่างเต็มรูปแบบ

“ในฐานะพันธมิตรหลักในด้านการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เราเห็นว่าผลงานที่ผ่านมาของเอ็นทีทีมีความน่าสนใจ ทั้งในการสร้างและสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ CXO สามารถแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายทางธุรกิจสำคัญๆ ได้ โดยแนวทางการให้บริการ Private 5G ของเอ็นทีทีมีความเป็นเอกลักษณ์ ให้ความคล่องตัวและมีข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจได้เร็วขึ้น" นายจาเวียร์ โพลิต ประธานเจ้าหน้าที่สารสนเทศและการบริการทางดิจิทัล จาก Mondelēz International กล่าว

ทั้งนี้ เอ็นทีที ได้แต่งตั้งนายชาฮิด อาเหม็ด ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมไร้สายมาเป็น EVP ในส่วนงาน New Ventures and Innovation เพื่อบุกเบิกการให้บริการ Private 5G พร้อมขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลสำหรับลูกค้า และ ให้เกิดการทำงานร่วมกัน (Collaboration) กับ Ecosystem

นายอาเหม็ด มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีกว่า 25 ปี เคยเป็นผู้บริหารบริษัท Accenture, PricewaterhouseCoopers และ Sprint เชี่ยวชาญในด้าน Business Transformation นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของ United States Federal Communications Commission (FCC)

นายชาฮิด อาเหม็ด EVP New Ventures and Innovation บริษัท เอ็นทีที จำกัด กล่าวว่า องค์กรระดับโลกกำลังมองหาโซลูชั่น Private 5G ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวแต่สามารถปรับใช้ได้ในหลายประเทศ เป็นเครือข่ายส่วนตัวอย่างแท้จริง ดูแลรับผิดชอบระบบจากจุดเดียว และเป็นแพลตฟอร์มการจัดการที่ให้บริการจากคู่ค้าเพียงรายเดียว เพื่อลดปัญหาข้อติดขัด หรือแรงเสียดทานต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในจุดต่างๆ ทั่วโลกขององค์กร ซึ่งแพลตฟอร์ม NTT P5G รองรับความต้องการของ CXO ในปัจจุบัน โดยเอ็นทีทีมีแผนที่จะลงทุนใน P5G เพื่อรองรับความต้องการใช้งานขององค์กรที่เพิ่มมากขึ้น

เอ็นทีที เปิดบริการแพลตฟอร์มเครือข่าย Private 5G ครั้งแรกทั่วโลก

นายกัสซัน อับโด รองประธานฝ่ายวิจัย จาก IDC กล่าวว่า Private 5G เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมา เอ็นทีทีมีผลงานที่ตอกย้ำการให้บริการที่ไม่มีขีดจำกัด และ NTT P5G ยังเป็นแพลตฟอร์มที่มากกว่าการให้บริการเชื่อมต่อขั้นพื้นฐาน ด้วยบริการครบวงจรที่มุ่งให้เกิดผลทางธุรกิจ

นายเอริค คลาร์ก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัลและกลยุทธ์ของ NTT Data Services North America กล่าวเสริมว่า เนื่องจากข้อมูลและโมบิลิตี้มีความสำคัญมากขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจ เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาช่วยให้องค์กรต่างๆ พลิกโฉมการทำธุรกิจ ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นและการส่งผ่านข้อมูลได้มากขึ้น 5G จึงเอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ และ IoT

“การรวบรวม จัดเก็บ และใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเอ็นทีทีจะอยู่เคียงข้างเพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จของการเดินทางครั้งนี้” นายคลาร์ก กล่าว

บริษัทในกลุ่ม เอ็นทีที กรุ๊ป กำลังร่วมกันเร่งการนำเสนอโซลูชั่น 5G เพื่อให้เปิดใช้งานได้จริงทั่วโลก โดยร่วมมือกับผู้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานบนระบบนิเวศ โดยแนวทางที่ครอบคลุมกระบวนการดังกล่าวจะช่วยให้เอ็นทีทีสามารถให้บริการการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ