thansettakij
IRPC เร่งรับมือ Net Zero จัดสรรงบ 6 พันล้าน ลุยธุรกิจคาร์บอนต่ำ
net-zero

IRPC เร่งรับมือ Net Zero จัดสรรงบ 6 พันล้าน ลุยธุรกิจคาร์บอนต่ำ

    ไออาร์พีซี เดินแผนกระจายความเสี่ยง จัดสรรงบ 6 พันล้าน ลุยลงทุนธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ สู่ Net Zero ทั้งพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ รีไซเคิล

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ผู้ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีครบวงจร ประกอบด้วย โรงกลั่นนํ้ามัน และโรงงานปิโตรเคมี พร้อมระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจทั้งท่าเรือนํ้าลึก คลังนํ้ามัน โรงไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ จากความท้าทายหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ล้นตลาด การรับมือกับเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศที่ทวีความเข้มข้น

รวมถึงกระแสของความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไออาร์พีซี ส่งผลให้ไอออาร์พีซีต้องเร่งปรับตัวสู่แนวทางการการดำเนินงานที่ยั่งยืน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว

นางสาวเอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น บริษัทได้มีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินงานทุกปี เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้กำหนดกลยุทธ์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก (Core Uplift) ได้แก่ ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ท่าเรือและอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน

IRPC เร่งรับมือ Net Zero จัดสรรงบ 6 พันล้าน ลุยธุรกิจคาร์บอนต่ำ

รวมถึงการดูแลสินทรัพย์ของบริษัทในเครือ อย่างเช่น ที่ดินมีศักยภาพตั้งอยู่ในจังหวัดระยองและจังหวัดอื่น ๆ รวมทั้งสิ้นราว 9,902 ไร่ สามารถนำไปพัฒนา หรือให้นักลงทุนมาเช่าใช้ทำโรงงาน รวมไปถึงการตัดขายที่ดินบางส่วนด้วย ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนต่างชาติหลายราย

“ที่ดินที่มีอยู่ไม่นับรวมพื้นที่ร่วมทุนกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ ดีเวลลอปเมนท์ ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียลเอสเตท ระยอง จำนวน 2,152 ไร่ ขณะที่ดินแปลงใหญ่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีพื้นที่ประมาณ 2,348 ไร่ มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม สามารถรองรับการขยายของโครงการพัฒนาท่าเรือนํ้าลึก และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน”

ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสและสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่มีศักยภาพ (Step up & Beyond) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า และคู่ค้า โดยมีการขับเคลื่อนผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ Health & Life Science ที่มุ่งเรื่องการแพทย์และสุขอนามัย, Advanced Materials ที่จะลงทุนด้านแบตเตอรี่, Green & Circular เน้นไปในธุริกิจการรีไซเคิล, Future Energy การลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ และ Assets & Services การเพิ่มขีดศักยภาพในการบริการของท่าเรือ เพื่อรองรับสินค้ามูลค่าสูงและยกระดับ มูลค่าทรัพย์สินของบริษัทฯ และการใช้ประโยชน์ที่ดินในจังหวัดจัดตั้งโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ

ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว จะช่วยให้บริษัทสามารถรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้ โดยเฉพาะบริษัทมีเป้าหมายระยะกลาง ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ภายในปี 2573 และมีเป้าหมายระยะยาวที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593

นางสาวเอธิตา กล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนในช่วง 5 ปี (2568-2573) บริษัทได้จัดสรรงบไว้อยู่ที่ 13,093 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน เช่น การซ่อมบำรุง การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรราว 10,062 ล้านบาท และใช้เป็นงบลงทุนผูกพันระหว่างก่อสร้างโครงการ 3,002 ล้านบาท และงบลงทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง 29 ล้านบาท โดยในปี 2568 จะใช้งบลงทุน 3,680 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้กับโครงการที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ 2,344 ล้านบาท งบดำเนินงานปกติ 1,307 ล้นบาท และงบเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง 29 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังได้จัดสรรงบไว้อีกประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ลงทุนในยุทธศาสตร์หลักหรือโครงการใหม่ๆ โดยจะมีการพิจารณาอนุมัติเป็นรายโครงการไป

ทั้งนี้ บริษัท ตั้งเป้าหมายจะมี EBITDA ในปี 2568 จากธุรกิจโรงกลั่น 53% ธุรกิจปีโตรเคมี 24%และธุรกิจ Power & Utilities 23% ขณะที่ปี 2572 EBITDA ของธุรกิจโรงกลั่น 38% ธุรกิจปิโตรเคมี 37% ธุรกิจ Power & Utilities 13% และธุรกิจใหม่ 12% โดยมองว่า ธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาฟื้นตัวในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นจะเน้นการขายในประเทศเป็นหลัก 75% เนื่องจากได้ราคาดีกว่าที่จะส่งออกไปในประเทศกลุ่ม CLMV

สำหรับธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในปีนี้ จะเป็นการพัฒนาผลิตสีและสารเคลือบโครงสร้างเหล็ก ที่ได้ร่วมกับบริษัท เบเยอร์ ธุรกิจโรงพยาบาลที่ร่วมกับโรงพยาบาลบางปะกอก (BHG) ธุรกิจรีไซเคิล ที่อยู่ระหว่างการเจรจาผู้ร่วมทุน และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากโซลาร์ฟาร์ม ที่บริษัทได้ร่วมกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในสัดส่วน 49% จากกำลังผลิตติดตั้ง 74.88 เมกะวัตต์ ที่จะใช้พื้นที่ติดตั้งในที่ดินจังหวัดสงขลา โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการอนุมัติดำเนินการจากภาครัฐ