net-zero

WHAUP ทุ่ม 2.9 หมื่นล้าน ดันสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 1.2 พันMW

    WHAUP อัดงบลงทุน 5 ปี 2.9 หมื่นล้านบาท ลุยขับเคลื่อนสู่ Net Zero ปรับเป้าสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเป็น 1,200 เมกะวัตต์ หลังเห็นแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค่าเพิ่มขึ้น พร้อมศึกษาธุรกิจใหม่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ และ CCUS

นายสมเกียรติ  เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้าว่า จากการคาดการณ์ว่าธุรกิจพลังงานในปี 2568-2570 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีปัจจัยหลักมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้า ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.0-6.0% ต่อปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทย

ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนผลิตไฟฟ้าต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในอนาคต โดยเฉพาะด้านพลังงานหมุนเวียน ที่ให้ความสำคัญผ่านการสร้างสภาพแวดล้อม ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบ ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไฟฟ้าสู่การใช้พลังงานสะอาด และเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถด้านการค้าและการลงทุนของประเทศในอนาคต

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ เล็งเห็นถึงโอกาสในการผลักดันธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากนโยบายด้าน ESG และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ

WHAUP ทุ่ม 2.9 หมื่นล้าน ดันสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน 1.2 พันMW

ดังนั้นในปี 2568 บริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ที่มีอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนต่าง ๆ ในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงาน

โดยในปีนี้ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 1,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 683,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจ WHA : WE SHAPE THE FUTURE และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ WHA Group ในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 จากเดิมที่มีเป้าหมายจะเพิ่มปริมาณสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 600 เมกะวัตต์ภายในปี 2569

“ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Solar Rooftop เพิ่มจำนวน 76 สัญญา จำนวนรวมประมาณ 106 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 290 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภท อยู่ที่ 965 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 701 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาจำนวน 264 เมกะวัตต์”

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานให้ได้มาตามเป้าหมายดังกล่าว บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (2568-2572) ไว้ราว 2.9 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2568 จะใช้เงินลงทุนอยู่ราว 4,500 ล้านบาท ในการดำเนินงาน ที่เป็นผลจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งในปีนี้การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่ส่วนใหญ่จะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาราว 220 เมกะวัตต์ เป็นการลงทุนในประเทศไทยประมาณ 175 เมกะวัตต์ และในเวียดนามราว 45 เมกะวัตต์

ล่าสุดบริษัท ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ไดวะ โซล่าร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนที่ 5 ล้านบาท โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ โซล่าร์ จำกัด บริษัทย่อยของ WHAUP ถือหุ้น 51% และทางบริษัท ดีเอช เอเชีย อินเวสเม้นต์ พีทีอี ลิมิเต็ด บริษัทย่อยของ บริษัท ไดวะ เฮ้าส์ อินดัสตรี จำกัด (DHI) ถือหุ้น 49% เพื่อรองรับการให้บริการธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่ที่มีศักยภาพในประเทศไทย รวมถึงร่วมกันพัฒนาและลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมสัญชาติญี่ปุ่นในและนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีการตั้งเป้าหมายระยะสั้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ Scope 2 (Absolute Emission) ลง 42% ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 และสำหรับก๊าซเรือนกระจก Scope 3 ตั้งเป้าการลดความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Intensity emissions for investments) ลง 73.7% ต่อพลังงาน 1 kWh ในปี 2573 และเป้าหมายระยะยาวในการลดก๊าซเรือนกระจกทุกขอบเขตในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564

การขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวนอกจากการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนแล้ว บริษัทยังพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P Energy Trading) รวมถึงการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) ซึ่งช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร

รวมถึงบริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต อาทิ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS)