WHAUP กางแผนปี 68 ลุยอัพแกร่ง ธุรกิจน้ำ-ไฟ รับการมา Data Center

07 ก.พ. 2568 | 12:32 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2568 | 12:32 น.

WHAUP เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ดึงนวัตกรรม-เทคโนโลยีเสริมแกร่ง อัดงบ 5 ปี (68-73) กว่า 2.9 หมื่นล้าน รองรับการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ พร้อมปั้นรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติรวม 5 ปีแตะ 3.5 หมื่นล้าน รักษา EBITDA margin ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50%

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจในปี 2568 บริษัทมีแผนขับเคลื่อนธุรกิจผ่านนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมก้าวสู่การเป็นการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization)

โดยวางกลยุทธ์หลักในการขยายความเป็นผู้นำในด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve ให้กับองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากการต่อยอดธุรกิจทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านแผนกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ)

ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 4% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็นยอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำภายในประเทศประมาณ 132 ล้านลูกบาศก์เมตร และในประเทศเวียดนามประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร

เทียบจากปี 2567 บริษัทมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำรวมอยู่ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นการเติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศจำนวนทั้งสิ้น 128 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 6% ขณะที่ปริมาณยอดจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำในเวียดนาม อยู่ที่ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 13% 

ทั้งนี้ ในปี 2568 นี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายการให้บริการแก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Data center ที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำสูง และจะมุ่งเน้นการผลิตน้ำที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Water) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

และมองหาแหล่งน้ำดิบทดแทน เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำ และรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า  นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจสาธารณูปโภคในพื้นที่นอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ รวมไปถึงการเข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียของหน่วยงานภาครัฐรวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ

ธุรกิจพลังงาน

ในปี 2568 นี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ และทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff และโครงการ Direct PPA เป็นต้น

พร้อมกันนี้ บริษัทได้เริ่มดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการ Micro Grid ที่นิคมเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Zone 1 ในจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เฟส 1 ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 สำหรับในปี 2568 บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,185 เมกะวัตต์ (MW)

ซึ่งจะเป็นพลังงานหมุนเวียน 657 MW หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด สำหรับในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์กับลูกค้าอุตสาหกรรม (Private PPA) เพิ่ม 76 สัญญา หรือเท่ากับ 106 MW ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 965 MW

WHAUP กางแผนงาน 5 ปี (2568-2572)

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าต่อยอดการเติบโตและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยเน้นการใช้นวัตกรรมควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการการสร้างคุณค่าให้กับสังคม

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2572 อาทิ เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ที่มีเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนราว 1,200 MW ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 683,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี รวมถึงการลดการใช้น้ำจากธรรมชาติลงประมาณ 25,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่ากับปริมาณการใช้น้ำของภาคครัวเรือนกว่า 685,000 คน

"ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ที่ระดับ AAA ซึ่งเป็นเรทติ้งระดับสูงสุด เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ  ตามพันธกิจของ WHA Group “ WHA : WE SHAPE THE FUTURE” ได้เป็นอย่างดี"

นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ WHAUP กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรม

โดยในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทได้เดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions ด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการบริหารจัดการระบบน้ำอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการลูกค้า ลดการสูญเสียน้ำ และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความแม่นยำและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของธุรกิจพลังงานไฟฟ้า บริษัทได้นำ AI มาพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบ Solar Anomaly ที่สามารถตรวจจับความผิดปกติของแผงโซลาร์ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้สามารถบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และระบบ Solar Forecasting ซึ่งช่วยคาดการณ์ปริมาณการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกทั้งจะช่วยในการวางแผนซ่อมบำรุงรวมถึง ลดต้นทุน และเพิ่มความเสถียรของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P Energy Trading) รวมถึงการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) ซึ่งช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร 

เพื่อก้าวสู่อนาคต บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนใน ธุรกิจ New S-Curve ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต อาทิ

  • เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและมีเสถียรภาพสูง
  • ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่(Battery Energy Storage System: BESS) เพื่อเพิ่มความเสถียรของโครงข่ายไฟฟ้า
  • เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero

นายประพนธ์ ชินอุดมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน WHAUP กล่าวเสริมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานใน 5 ปี (2568-2572) บริษัทตั้งงบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 29,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนขยายธุรกิจทั้งด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน

โดยวางแผนสร้างรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติให้เติบโต 2.5 เท่าจากปี 2567 และตั้งเป้าหมายมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติของบริษัทฯ รวม 5 ปีข้างหน้าที่ 35,000 ล้านบาท รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไร EBITDA margin ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50%