โอนเงินผิดบัญชีอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ และหากเป็นกรณีที่โอนไปยังคนที่รู้จักก็สามารถขอให้โอนเงินคืนได้ทันที แต่ถ้าเป็นการโอนเงินไปยังบัญชีที่ไม่รู้จัก ขั้นตอนในการแก้ไขจะมีเพิ่มขึ้น ดังนี้
- แจ้งปัญหาทันที: หากพบว่าโอนเงินผิดบัญชี ควรติดต่อธนาคารต้นทางทันทีเพื่อแจ้งปัญหาและสอบถามเอกสารที่ธนาคารต้องการ รวมถึงข้อมูลสำคัญ เช่น วันเวลา จำนวนเงิน ช่องทางการโอน หรือสลิปการโอนเงิน โดยธนาคารบางแห่งอาจต้องการเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบแจ้งความหรือสำเนาบัตรประชาชน
- สอบถามระยะเวลาการดำเนินการ: ธนาคารจะรับเรื่องและแจ้งระยะเวลาในการตรวจสอบ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการคืนเงิน
- ธนาคารติดต่อผู้รับโอน: ธนาคารจะติดต่อผู้รับโอนเพื่อให้ยินยอมการคืนเงิน หากเป็นธนาคารเดียวกัน ธนาคารจะติดต่อผู้รับโอนโดยตรง หากต่างธนาคาร ธนาคารจะประสานงานกับธนาคารของผู้รับโอนผิด
- การคืนเงิน: ธนาคารตรวจสอบและแจ้งผลการดำเนินการกับผู้โอน หากผู้รับโอนยินยอมคืนเงิน ธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีผู้โอน หากผู้รับโอนไม่ยินยอมคืนเงินหรือติดต่อไม่ได้ ผู้โอนสามารถแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อออกคำสั่งทางกฏหมายให้ธนาคารปลายทางดำเนินการอายัดบัญชี หรือเปิดเผยข้อมูลบัญชีผู้รับโอน เพื่อดำเนินการทางกฏหมายต่อไป
ข้อควรระวังที่ควรทำทุกครั้งก่อนโอนเงิน
- ตรวจสอบบัญชี: ก่อนโอนเงินทุกครั้ง ควรตรวจสอบชื่อบัญชีและเลขที่บัญชีให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการโอนผิด
- ไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัว: หลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลส่วนตัวหรือหลักฐานการโอนเงินกับบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ
- ใช้แอปพลิเคชันที่ปลอดภัย: ใช้แอปพลิเคชันที่มีระบบยืนยันตัวตนก่อนโอนเงิน เพื่อป้องกันการทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัย
หากเกิดเหตุการณ์โอนเงินผิดบัญชี ควรรีบดำเนินการทันที เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินคืนและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
อ้างอิงข้อมูล: GSB Society