sustainable

“คิดคิด” กางแผนปี 68 รุกตลาดองค์กรมุ่งยั่งยืน ดันรายได้โต 20%

    “คิดคิด” กางแผนปี 68 รุกตลาดองค์กรมุ่งยั่งยืน เน้นสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์ทั้งประเภทสินค้าและบริการ ดันรายได้โต 20%

นายพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ผู้ก่อตั้ง “คิดคิด” และ “ECOLIFE” เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในปี 68 ว่า ต้องการผลักดัน ECOLIFE เพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเสริมการทำการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainable Marketing) โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์ทั้งประเภทสินค้าและบริการ เพื่อให้ได้ข้อมูลการมีส่วนร่วมจากลูกค้าตัวจริง 

และอีกกลุ่ม คือ พนักงานทุกระดับในองค์กร ECOLIFE ตอบโจทย์การใช้งาน เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามที่องค์กรกำหนดได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา

สำหรับ ECOLIFE version 3 ได้พัฒนาเป็น Web Application ทุกคนสามารถเข้าใช้งานผ่าน LINE OA @ecolifeapp เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย ลูกค้าจะสามารถดูโจทย์ของแต่ละแบรนด์ เช่น แบรนด์ชวนคืนบรรจุภัณฑ์หรือแยกขยะ ร้านอาหารให้ลูกค้าทานให้หมดจาน ร้านกาแฟให้ลูกค้านำแก้วมาเอง 

เมื่อลูกค้าทำกิจกรรมและบันทึกข้อมูล ลูกค้าจะได้คะแนนสะสมเพื่อนำไปแลกรับสิทธิประโยชน์ที่แบรนด์จัดสรรให้กับลูกค้า (ระบบ Gamification) ในอีกมุมที่ ECOLIFE ทำกิจกรรมกับพนักงานองค์กรตามโจทย์ที่องค์กรกำหนด แพลตฟอร์ม ECOLIFE จะมีระบบช่วยตรวจสอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลให้ฝ่ายบุคคล(HR) มากขึ้น

“คิดคิด” กางแผนปี 68 รุกตลาดองค์กรมุ่งยั่งยืน ดันรายได้โต 20%

การวางเป้าหมายปี 2568 ปีแรกของ ECOLIFE version 3 ที่ต้องการบุกตลาดองค์กร 50 แห่ง และแบรนด์ 100 แบรนด์ มาจากการเห็นถึงภาพรวมในประเทศไทยมีบริษัทจดทะเบียน (Listed Company) มากกว่า 700 แห่งที่ต้องรายงานประจำปี และเอสเอ็มอี (SMEs) ที่มีมากกว่า 2 ล้านราย รวมทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ

และในประเทศที่ต้องการทำการตลาดอย่างยั่งยืน (Sustainable Marketing) โดยมองเห็นโอกาสที่มาจากความจริงจังในการดำเนินการของแบรนด์พร้อมกับการเปิดรับประสบการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค จึงเชื่อว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ในปีนี้ ก่อนขยายความร่วมมือให้มากขึ้นด้วยการบุกไปยังกลุ่มอื่น เช่น โรงพยาบาล วัด ตลาด ชุมชน เพื่อปรับพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

นอกจากนี้ คิดคิดจะร่วมมือกับสื่อขนาดใหญ่ของไทย ในการนำเสนอเนื้อหาสาระด้านความยั่งยืนในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น รายการโทรทัศน์ หนังสือรวมเล่ม งานเสวนา เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนของแบรนด์และองค์กรต่างๆ

“ตั้งใจทำเป้าหมายสร้างการเติบโตทางรายได้ให้ถึงโดยประมาณ 20 ล้านในปี 2568 ตามที่วางไว้ เพิ่มอัตราการเติบโตกับบริษัทเฉลี่ยปีละ 10-20% เพื่อให้คิดคิดเกิดความยั่งยืนในด้านการดำเนินธุรกิจให้มีผลกำไรต่อไปในอนาคต”

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้ขยายการสร้างการรับรู้ (awareness) มามากมายในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันถึงเวลาที่ต้องเพิ่มการลงมือทำ (action) ให้มากขึ้น เพราะผู้บริโภคปัจจุบันต้องการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมกับแบรนด์มากกว่าแค่การรอรับฟังข่าวสารเท่านั้น หรือองค์กรที่ทำเรื่อง ESG ,SDGs ,BCG ก็สามารถเสริมสร้างการมีส่วนร่วม และเก็บข้อมูลของพนักงาน เพื่อนำไปประกอบรายงาน และสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรเป็นแนวทางการประชาสัมพันธ์ต่อไป