thansettakij
“เอ็กโก” พร้อมขยายกำลังผลิต 700 MW ดันโรงไฟฟ้าขนอม แข่งประมูลต้นทุนต่ำ
net-zero

“เอ็กโก” พร้อมขยายกำลังผลิต 700 MW ดันโรงไฟฟ้าขนอม แข่งประมูลต้นทุนต่ำ

    EGCO Group พร้อมเดินหน้าขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าขนอมอีก 700 เมกะวัตต์ ลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท เสริมความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้ ยันโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกอย่าง ทั้งพื้นที่ ท่อส่งก๊าซฯ แนวสายส่ง ประมูลแข่งขันเสนอค่าไฟฟ้าได้ต่ำ

ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือพีดีพีฉบับใหม่ (2567-2580) ยังเป็นที่เฝ้าจับตาของวงการอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าว่า จะแล้วเสร็จและประกาศใช้บังคับได้เมื่อใด หลังจากมีความล่าช้ามากว่า 2 ปี แม้จะผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนมาเป็นระยะแล้วก็ตาม ล่าสุดมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องมีการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้น และการนำโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม(ก๊าซธรรมชาติ) ที่สุราษฎร์ธานี ขนาดกำลังผลิต 1,400 เมกะวัต์ กลับเข้าบรรจุอยู่ในแผนพีดีพีที่ปรับใหม่ในครั้งนี้ด้วย

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า แผนพีดีพีใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำนี้ ไม่มีการถอดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม(ก๊าซธรรมชาติ) ขนาดกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ภาคใต้ออกไป เพื่อเป็นโรงไฟฟ้าฐานและรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นในปี 2579 ซึ่งปัจจุบันกำลังผลิตไฟฟ้าของภาคใต้อยู่ที่ 3,074 เมกะวัตต์ มาจากโรงไฟฟ้าหลัก 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าขนอม ขนาดกำลังผลิต 970 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา กำลังผลิต 1,476 เมกะวัตต์ หรือมีสัดส่วนราว 71%

ส่วนที่เหลือ กำลังการผลิตไฟฟ้าพึ่งได้เป็นบางเวลา หรือไม่มีความเสถียรพอ เช่น จากพลังนํ้า พลังงานงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม โรงไฟฟ้าชีวมวล, ก๊าซชีวภาพ เป็นต้น ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้สูงสุดมีประมาณ 3,143 เมกะวัตต์ ทำให้ต้องส่งไฟฟ้าจากภาคกลางเข้ามาช่วยเสริม

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

ดังนั้น จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าขนอมส่วนขยายอีก 700 เมกะวัตต์ เข้ามาช่วยรักษาระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ แต่การลงทุนคงเปิดให้เอกชนประมูลแข่งขันเสนอค่าไฟฟ้ากัน ซึ่งเป็นโอกาสของเอ็กโกที่จะเข้าร่วมประมูลแข่งขันด้วย

ปัจจุบันเอ็กโกได้เตรียมความพร้อมของพื้นที่บริเวณโรงไฟฟ้าขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ขนาดกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้ดำเนินการศึกษารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ เสร็จไปแล้วเช่นกัน ประกอบกับการยอมรับของชุมชน ที่ได้มีการสำรวจความคิดเห็นทุกปี ชุมชนจะสนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าใหม่ เป็นการเพิ่มรายได้และการจ้างงาน และมีการจัดสรรเงินให้กับกองทุนพัฒนาไฟฟ้า นำไปพัฒนาชุมชน

“เอ็กโก” พร้อมขยายกำลังผลิต 700 MW ดันโรงไฟฟ้าขนอม แข่งประมูลต้นทุนต่ำ

นอกจากนี้ ด้วยพื้นที่การก่อสร้างที่อยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมปัจจุบัน ทำให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะท่อก๊าซเดิมจากอ่าวไทยมาที่โรงไฟฟ้า มีสถานีไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) อยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้า มีแหล่งนํ้าดิบ และท่อส่งนํ้าเดิม มีแหล่งนํ้าสำหรับระบบนํ้าหล่อเย็นที่พร้อมอยู่แล้ว (นํ้าทะเล) มีระบบรับนํ้ามันดีเซลและถังเก็บนํ้ามันดีเซลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำรองอยู่

รวมถึงมี warehouse และ workshop เดิมอยู่แล้ว และมีระบบส่งไฟฟ้าจากของกฟผ. ไป จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สามารถปรับปรุงใช้แนวพาดสายเดิมจากระบบ 230 kV เป็น 500 kV ได้ ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้เอ็กโก สามารถแข่งขันราคาค่าไฟฟ้าที่เสนอขายในอัตราที่ตํ่ากว่ารายอื่น ๆ ได้

ดร.จิราพร กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการส่วนขยายโรงไฟฟ้าขนอม 700 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติราว 105 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือเทียบกับการใช้ก๊าซ LNG ที่ 1.03 ล้านตันต่อปี ขณะที่โรงไฟฟ้าขนอมปัจจุบันกำลังผลิต 970 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซฯ อยู่ที่ 141 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือเทียบกับการใช้ก๊าซ LNG ที่ 1.40 ล้านตันต่อปี

“จุดเด่นของโรงไฟฟ้าขนอมส่วนขยาย มีจุดเด่น ช่วยรักษาระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ใช้พื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมเดิม ไม่ต้องไปหาพื้นที่ใหม่ มีความรวดเร็วในการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการยอมรับจากชุมชน ราคาค่าไฟฟ้ามีต้นทุนไม่สูง ราคาแข่งขันได้ และยังช่วยให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติของปตท.(PTT GSP) ที่ขนอมสามารถเดินเครื่องโรงแยกก๊าซได้เต็มพิกัดตลอดเวลา และมีงบประมาณพัฒนาพื้นที่อำเภอขนอม เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ส่งให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าปีละ 60 ล้านบาท”