นายถิรวัฒน์ พูนกาญจนะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือ CPAC เปิดเผยว่า CPAC ในฐานะผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและคอนกรีตสำเร็จรูประดับแถวหน้าของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมกรีนและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์ The 1st Mover Low Carbon Concrete Business สู่ความยั่งยืน
หนึ่งในการขับเคลื่อนดังกล่าว CPAC ได้วางแผนในช่วงปี 2568-2569 จะขยายการใช้รถโม่ผสมคอนกรีตจากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 2 พันคัน ให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) หรือ CPAC EV Mixer Truck จำนวน 28 คัน จากปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 8 คัน ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายที่จะลงทุนเปลี่ยน 12 คัน และปี 2569 เปลี่ยนเพิ่มอีก 16 คัน ใช้งบประมาณคันละ 4-5 ล้านบาท หรือใช้งบลงทุนประมาณ 112-140 ล้านบาท
“ช่วง 2 ปีนี้ มีแผนขยายการใช้รถโม่พลังงานไฟฟ้า CPAC EV Mixer Truck ไปยังหัวเมืองใหญ่ ๆ อย่างจังหวัดเชียงราย ชลบุรี และภูเก็ต รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนรถโม่พลังงานไฟฟ้าทดแทนรถโม่สันดาปที่มีสภาพเครื่องยนต์เก่า ขณะเดียวกันจะพัฒนารถโม่พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อสะดวกต่อการใช้งานในพื้นที่ชุมชน ซึ่งนอกจากจะไม่มีมลภาวะทางอากาศแล้วยังลดมลภาวะทางเสียงได้อีกด้วย”
ล่าสุด CPAC ได้จับมือกับคู่ธุรกิจ บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอ็น.ดี.พี.เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ในจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นรายแรกของภาคเหนือ ที่เป็นต้นแบบการขนส่ง Green Logistics เข้ามาใช้ในการจัดส่งคอนกรีต ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการก่อสร้างในภาคเหนือ และต้องต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศ เช่น วิกฤตฝุ่นควัน PM 2.5 อย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูหนาว
“นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในตลอดระยะเวลาการทำงานที่บริษัทฯ จะต้องหาวิธีการดำเนินงานที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยมุ่งเน้นการก่อสร้างสีเขียว ตามแนวทาง Inclusive Green Growth ซึ่งรถโม่พลังงานไฟฟ้า CPAC EV Mixer Truck ถือเป็นแรงกระตุ้นในการส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง”
สำหรับ CPAC EV Mixer Truck จะช่วยประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซล หรือประมาณ 237,600 บาทต่อคันต่อปี (คำนวณจากฐานค่าน้ำมัน 33 บาท/ลิตร) ซึ่งรถโม่พลังงานไฟฟ้านี้ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขนส่งคอนกรีตทั้งในเขตเมืองและภูมิประเทศที่มีเนินเขาของภาคเหนือ ด้วยระบบขับเคลื่อนที่เงียบ ช่วยลดผลกระทบต่อชุมชนที่หนาแน่น รวมถึงมีระบบจัดการพลังงานที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งในระยะทางไกล
ทั้งนี้ จากการดำเนินงานที่ผ่านมา รถโม่พลังงานไฟฟ้า CPAC EV Mixer Truck 1 คัน สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลงได้ถึง 212,736 KgCO2e เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 22,400 ต้น
นายถิรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมก่อสร้าง มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ไม่เพียงแค่การร่วมมือกันใช้การขนส่งสีเขียวเท่านั้น แต่การเลือกใช้สินค้าคาร์บอนตํ่าหรือสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แล้ว ยังช่วยสร้างโอกาสและความแตกต่างในเชิงการแข่งขันให้กับคู่ธุรกิจ ตั้งแต่เจ้าของโครงการ, ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิประโยชน์การกู้ยืมสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ตํ่ากว่าสินเชื่อทั่วไป มุ่งเน้นการสนับสนุนโครงการที่มีเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนในการดำเนินงานของธุรกิจในระยะยาว
อีกทั้ง ในอนาคตประเทศไทยเตรียมเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) เพื่อบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลังงานฟอสซิลเป็นการกระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมาใช้พลังงานสะอาด สอดคล้องกับการที่ CPAC ไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งจะทำให้คู่ธุรกิจเติบโตสู่ความยั่งยืนไปพร้อมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง