นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ ควอลตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังและแป้งดัดแปรเปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon ภายใน ปี 2570 ซึ่งมีความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจแปรรูปการเกษตร มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตํ่าอยู่แล้ว
“นั่นทําให้เราสามารถตั้งเป้าในระยะใกล้ได้ว่า อย่างน้อยภายในปี 2570 เราต้องเป็นบริษัทที่เป็น Net Zero Carbon"
ซึ่งมีกิจกรรมหลายๆ อย่างที่เราผลักดัน ทั้งในส่วนของการลดการปลดปล่อยคาร์บอน เริ่มจากปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีการใช้การสันดาปภายในมาเป็นไฟฟ้ามากขึ้นหรือติดตั้งเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น เพื่อปลดปล่อยมลภาวะน้อยลง
อย่างไรก็ตาม มันสำปะหลังนับเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญต่อการผลิตของ PQS ทำให้การดำเนินการเรื่อง ESG จะเป็นส่วนสําคัญ เพื่อทําให้เกิดความยั่งยืนด้านวัตถุดิบ เพราะในระยะหลังๆ จะสังเกตว่า สัดส่วนผลผลิตมันสำปะหลังต่อไร่ในพื้นที่จ.มุกดาหารตํ่าลง โดยมีผลผลิตประมาณ 3 ตันต่อไร่เมื่อเทียบกับพื้นที่ปลูกที่จ.นครราชสีมาที่ทำได้ถึง 7-8 ตันต่อไร่ ขณะที่เปอร์เซ็นต์แป้งก็มีแนวโน้มตํ่าลงด้วย
ปัจจัยหลักๆ ที่กระทบมาจากระบบนิเวศน์ที่แย่ลง และส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการเก็บเกี่ยวก่อนถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจเพราะเห็นว่าได้ราคาดี หรือมีความต้องการใช้เงิน ทำให้มีเปอร์เซ็นต์แป้งตํ่าและมีผลต่อราคาขาย นอกจากนั้นพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะเกษตรกรสูงอายุ ทำให้ออกจากภาคเกษตรไป
บริษัทจึงได้ร่วมมือกับโรงเรียนคำป่าหลายสรรพวิทย์ จ.มุกดาหาร ยกร่างหลักสูตรส่งเสริมเรียนรู้งานอาชีพการปลูกมันสำปะหลังขึ้น สำหรับเปิดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้ง 2 ภาคการศึกษา เวลาเรียน 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ รวม 80 ชั่วโมง/ภาคเรียน เพื่อสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ด้านการปลูกมันสำปะหลัง อย่างมืออาชีพด้วยเติมเข้ามาในระบบ
นอกจากนั้น บริษัท จึงได้เข้าไปร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกร โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการปลูก โดย PQS ผลิตสารอินทรีย์ จากผลพลอยได้ของกระบวนการแปรรูปมันสำปะหลัง
เพื่อปรับปรุงบำรุงดินและส่งเสริมการเกษตรคุณภาพ จากดินกากตะกอนที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาใช้ในการปรับปรุงดิน เพราะในดินกากตะกอนเหล่านี้มีสารอินทรีย์ และธาตุอาหารที่เหมาะสมในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและปรับปรุงโครงสร้างดิน ซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช
“แผนการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (SD concept) เราให้ความสำคัญมาโดยตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจมา 20 ปี เพราะ PQS มีความเชื่อในเรื่องความยั่งยืนว่า เป็นทางรอดร่วมกันของสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน”
ดังนั้น เมื่อปี 2566 บริษัทมีแนวคิดพัฒนาใช้ประโยชน์พื้นที่ Secure Supply ขนาดพื้นที่ 250 ไร่ เพาะปลูกมันสำปะหลังเพื่อส่งเข้าโรงงานของบริษัทเอง เป็นการสร้างต้นแบบด้านความยั่งยืนของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังภายใต้แนวคิด “PQS Eco Park” และมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมให้ PQS Eco Park
ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอด ความรู้ด้านการจัดการระบบนิเวศเกษตรที่ดี
โดยการแนะนำเกษตรกรในชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาอาชีพ ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจในการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรอย่างมี ประสิทธิภาพ เพื่อการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อพัฒนา อาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
เน้นการพัฒนาทักษะและความรู้ในการจัดการเกษตรกรรมและสนับสนุนให้ชุมชนมีรายได้จากการผลิตพืชเกษตร แบบยั่งยืน ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการ รักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในชุมชน
นอกจากนั้นยังมี โครงการธนาคารต้นไม้ของ PQS เป็นการสร้างต้นแบบความยั่งยืนของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และส่งเสริมความยั่งยืนในระบบเกษตรกรรมและชุมชน บริษัทปลูกต้นไม้ในพื้นที่เพื่อเน้นการฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างแหล่งอาหารตามธรรมชาติให้กับชุมชน และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศรุนแรง (Climate Change) ช่วยให้พืชไร่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้
“ปัจจุบันเริ่มมีเกษตรกรให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกในพื้นที่บริเวณใกล้กับที่ตั้งของโรงงานเป็นเฟสแรก เริ่มมีการปลูกป่าเพื่อเป็นแหล่งเงินออม สร้างแหล่งอาหารตามธรรมชาติ ช่วยลดการพึ่งพิงจากแหล่งอาหารภายนอก และส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนในชุมชน และเตรียมจัดตั้ง Social Enterprise ร่วมกับสมาชิกกลุ่มธนาคารต้นไม้”
หน้า 7 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,063 วันที่ 19 - 22 มกราคม พ.ศ. 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง