นายดิษทัต ปันยาร ชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ปี 68 โออาร์จะต้องเทคออฟ EBITDA ขึ้นไปเป็น 30% จากปีนี้ 27% เพราะนำธุรกิจที่ไม่ได้ทำกำไรหรือโตไม่ไหวออกไปแล้ว
และปี 68 จะเป็นปีแห่งการลงทุนของ OR ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญกับ CEO คนใหม่ จะต้องหาโอกาสในการลงทุนให้ได้ โดยมองไปถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์เป็นดาวรุ่ง โดยเฉพาะธุรกิจ found&found จะเป็นธุรกิจที่เติบโตได้แน่นอน เพราะธุรกิจ health&wellness ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ ซึ่งจะสามาถผลักดันให้ธุรกิเติบโตและผลักดันให้โออาร์ขยายตัวขึ้น แต่จะต้องมีการลงทุนกับพาทเนอร์ที่ใหญ่และสร้างผลกระทบ (Impack) ให้ได้
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา Retail Mixed-Use Platform รูปแบบใหม่ผ่าน PTT Station Flagship ที่มี ธุรกิจ Non-oil ถึง 80% และต่อยอดสู่ OR Space ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Non-oil 100% รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับความสำเร็จในธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดย Café Amazon ทำยอดขายกว่า 1 ล้านแก้วต่อวัน
รวมถึงขยายความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต้นน้ำผ่าน Café Amazon Park ที่จ. ลำปาง รวมถึงการเปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรชุมชนในพื้นที่แล้วกว่า 370 ตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟต้นแบบแล้ว ยังสร้างการเติบโตร่วมกับชุมชนตามแนวทาง OR SDG ด้วยการพัฒนาระบบ KALA Application เพื่อรวบรวมข้อมูลเกษตรกร พื้นที่ปลูก และคุณภาพเมล็ดกาแฟ
อย่างไรก็ดี OR ยังมุ่งยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยวางรากฐานผ่านการลงทุนใน PTT (Cambodia) หรือ PTTCL ใน ฐานะ Second Homebase รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้ง Marine Terminal และสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ถนนหุนเซนบูเลอวาร์ด ควบคู่กับการต่อยอดโครงการ Project ONE ในประเทศฟิลิปปินส์ หรือ PTTPC ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งภายในกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ยังขยายโอกาสทางธุรกิจสู่เวียดนาม ผ่านการสร้างฐานธุรกิจ LPG แห่งใหม่ และขยายแหล่งจัดหาเมล็ดกาแฟใน สปป. ลาวเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
นายดิษทัต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา OR ได้เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจในหลายด้านโดยเฉพาะการพัฒนาด้านที่มีความคล่องตัว (Mobility) ผ่านการเป็น Thailand Mobility Partner ที่ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด ควบคู่กับการ ผลักดันการใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (SAF) ร่วมกับการบินไทย เวียตเจ็ทแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมทั้งปรับ Mode การขนส่งโดยเพิ่มการใช้ขนส่งทางท่อแทนทางรถยนต์หรือรถไฟ เพื่อการบริหารจัดการด้านระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจไลฟ์สไตล์ผ่านการเปิดร้าน found&found แบรนด์เฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทลรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและความงาม โดยวางแผนขยายเป็น 10 สาขาในปี 2025 รวมถึงบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ EBITDA Margin ปรับเพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30% โดยการตัดสินใจขายสินทรัพย์ในธุรกิจที่ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นธุรกิจที่โออาร์ไม่ถนัดออก เช่น ไก่เท็กซัส ร้านอาหารโคเอ็น แอปพลิเคชั่น FIXX ลงทุนแมน และ OR CHINA หรือร้านอเมซอนประเทศในจีน