"GPSC" มีกำไรกว่า 864 ล้านบาทไตรมาส 1/67 หลังขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม

09 พ.ค. 2567 | 06:19 น.

"GPSC" มีกำไรกว่า 864 ล้านบาทไตรมาส 1/67 หลังขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม ขณะผลการดำเนินงานบริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด ประเทศอินเดียปรับตัวสูงขึ้นตามจำนวนโครงการที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/67 ว่า มีรายได้ทั้งหมด 23,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% โดยมีกำไรสุทธิ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 (QoQ) 

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากผลการดำเนินการของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) โดยมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงเดียวกับที่รายได้ สามารถสะท้อนต้นทุนพลังงานได้ดีขึ้น 

และผลการดำเนินงานของบริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (AEPL) ประเทศอินเดียที่ปรับตัวสูงขึ้นตามจำนวนโครงการที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์และปัจจัยด้านฤดูกาล แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับส่วนแบ่งกำไรของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์  จำกัด (XPCL) ลดลงจากปริมาณน้ำลดลง
 

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 กำไรสุทธิลดลง 23% เนื่องจาก margin ที่ลดลงของโรงไฟฟ้าศรีราชา เนื่องจากโรงไฟฟ้าศรีราชาเดินเครื่องโดยใช้ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงหลักแทนก๊าซธรรมชาติลดลง ตามแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ.

"GPSC" มีกำไรกว่า 864 ล้านบาทไตรมาส 1/67 หลังขายไฟให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กเพิ่มขึ้น จากปัจจัยค่าไฟฟ้าที่สะท้อนต้นทุนราคาพลังงานได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 

สำหรับความก้าวหน้าของแผนการขับเคลื่อนธุรกิจและการขยายกำลังผลิตในช่วงไตรมาสแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นไปตามแผนงาน โดยโรงไฟฟ้าโกลว์ เอสพีพี 2 ภายใต้โครงการ SPP Replacement ด้วยกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ ผลิตไอน้ำได้ 230 ตันต่อชั่วโมง และโครงการไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ จำกัด ระยะ ที่ 3 กำลังการผลิตไฟฟ้า 70 เมกะวัตต์ ได้เริ่ม COD แล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา 

 

ขณะที่หุ้นกู้มูลค่าการเสนอขาย 15,000 ล้านบาทของ GPSC ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในการเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ 
 
ด้านกลยุทธ์ New S-Curve ล่าสุด บริษัทฯ ได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการ SMR (Small Modular Reactor) ขนาดเล็ก ร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีศักยภาพและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีจากประเทศเดนมาร์ก เพื่อแสวงหาโอกาสทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาดใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  

ส่วนธุรกิจหลัก บริษัทฯ ยังมุ่งมั่น เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการในกระบวนการผลิต หรือ Optimization โดยให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำเป็นอันดับแรก หรือ merit order เพื่อให้ต้นทุนการผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการดำเนินการด้าน Synergy เพื่อให้การบริหารสินทรัพย์มีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด