"GPSC" ชี้นิวเคลียร์แหล่งพลังงานอนาคต ปูทางสู่ "Net Zero"

22 ก.พ. 2567 | 17:52 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.พ. 2567 | 17:52 น.

"GPSC" ชี้นิวเคลียร์แหล่งพลังงานอนาคต ปูทางสู่ "Net Zero" ล่าสุดเดินหน้าร่วมมือสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย ปั้นเยาวชนไทยแข่งขันวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์โอลิมปิก เพิ่มองค์ความรู้นวัตกรรมพลังงานเพื่อพัฒนาประเทศ

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า GPSC ได้ดำเนินการร่วมกับสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย (สนท.) เพื่อดำเนินโครงการการแข่งขันวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์โอลิมปิกระหว่างประเทศระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

ทั้งนี้ GPSC เล็งเห็นความสำคัญในการศึกษาพลังงานทางเลือกชนิดต่างๆ นอกจากการศึกษาความเป็นไปได้ในเทคโนโลยีไฮโดรเจน (Hydrogen) และเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture & Storage - CCS)  ที่ดำเนินการอยู่ เพื่อจะนำมาสู่การเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน 

โดยเฉพาะพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม GPSC จึงได้สนับสนุนการดำเนินโครงการการแข่งขันดังกล่าว ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 7 สิงหาคม 2567 ที่กรุงมะนิลา ประเทศสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายผลให้การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ สู่การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงานอีกแนวทางหนึ่ง 

สำหรับการสนับสนุนการแข่งขันทางวิชาการดังกล่าว เป็นหนึ่งในแนวทางของการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม GPSC ที่จะสร้างเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานให้กับเยาวชนในมิติต่างๆ โดยเฉพาะการใช้พลังงานสะอาดที่เป็นประโยชน์กับประเทศ เนื่องจากปัจจุบันมีความหลากหลายของชนิดพลังงาน เป็นการสร้างโอกาสให้กับเยาวชนไทยในระดับมัธยมศึกษาได้เข้าร่วมแข่งขันทางวิชาการในเวทีระดับสากล เพื่อพัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ 

"GPSC" ชี้นิวเคลียร์แหล่งพลังงานอนาคต ปูทางสู่ "Net Zero"

ซึ่งถือเป็นเวทีที่นำความรู้ทางวิชาการไปประยุกต์ใช้ เยาวชนไทยจะได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์กับเยาวชนนานาประเทศ เป็นการยกระดับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงานนิวเคลียร์ร่วมกัน ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน โดยการส่งเสริมเยาวชนในประเทศถือเป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

นายวรวัฒน์ กล่าวอีกว่า พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นหนึ่งในพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคต เนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ ลดความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง และที่สำคัญคือไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกขณะเดินเครื่อง ฯลฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพลังงานที่คาดว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ได้ตามเป้าหมายของหลายประเทศ 
 

และหลายองค์กรชั้นนำที่กำลังให้ความสำคัญกันอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ต้องหาแนวทางเสริมสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านต่างๆ ให้เยาวชนตระหนัก และมีความเข้าใจในพลังงานดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการศึกษาความก้าวหน้าในเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านนิวเคลียร์ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการสร้างความเข้าใจเชิงบวกให้กับสังคมไทยในระยะยาว และเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนในการพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต นำมาสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านพลังงานนิวเคลียร์ มีความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยี SMR (Small Module Reactor) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โมดูลาร์ขนาดเล็ก ที่สามารถผลิตไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ต่อเครื่อง ให้ความสำคัญและต่อยอดในมาตรฐานความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

"ปัจจุบันสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศรัสเซียได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว รวมถึงอีกหลายประเทศทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับเทคโนโลยี SMR ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีพลังงานที่สำคัญต่อการลดภาวะโลกร้อน โดยล่าสุดสหภาพยุโรปเตรียมเปิดตัวพันธมิตรอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี SMR เดินหน้าความร่วมมือก่อสร้างทั่วทวีป เพื่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 90% ในปี 2583"