เปิดแผน "GPSC" ปี67 รุกเพิ่มพอร์ตนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต

11 ก.พ. 2567 | 07:19 น.

เปิดแผน "GPSC" ปี67 รุกเพิ่มพอร์ตนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต ชี้ต้องจับตามองปัจจัยความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อาจส่งผลต่อทิศทางราคาพลังงานโลก 

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ปี 67 ยังคงต้องจับตามองปัจจัยความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อาจส่งผลต่อทิศทางราคาพลังงานโลก 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจพลังงานสะอาดและธุรกิจนวัตกรรมอื่น ทั้งในประเทศและประเทศเป้าหมาย โดยมุ่งแสวงหาโอกาสและการต่อยอดในธุรกิจแบตเตอรี่ (Battery pack and cell) และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 

รวมทั้งระบบปริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์ของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับผลการดำเนินงานปี 66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,803 ล้านบาท หรือ 314% จากปีก่อนหน้า จากการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการผลิต เพื่อควบคุมต้นทุนการผลิตที่มุ่งเน้นการเกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) อยู่ในระดับที่ดี 

เปิดแผน "GPSC" ปี67 รุกเพิ่มพอร์ตนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต

และผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยค่าไฟฟ้าที่สามารถสะท้อนต้นทุนราคาพลังงานได้ดีขึ้นจากปีก่อนหน้า ทำให้ margin จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเริ่มปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำลง (OPEX Saving Program) และจากความมุ่งมั่นในการขยายการลงทุนส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Solar platform จาก บริษัท อวาด้า เอนเนอร์ยี่ ไพรเวท จำกัด (AEPL)  ในประเทศอินเดีย มากกว่า 300 ล้านบาทจากโครงการที่เปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มสูงขึ้น 

"ปี 66 AEPL สามารถชนะประมูลกำลังการผลิตใหม่ได้มากกว่า 5 กิกะวัตต์ ซึ่งจะสามารถทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มสูงขึ้นต่อไป"

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อแผนการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าภายในประเทศซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตหรือ Optimization และการบริหารจัดการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและจัดลำดับการผลิตที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเป็นอันดับแรกหรือ merit order เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และยังมุ่งเน้นการดำเนินการด้าน Synergy อย่างต่อเนื่อง 

ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีรายได้รวม 18,319 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 478 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 209% โดยมีปัจจัยหลักมาจากค่าไฟฟ้าที่สะท้อนต้นทุนพลังงานได้ดีขึ้น รวมถึงปริมาณการขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 

อีกทั้งยังมีการรับรู้รายได้บางส่วนจากเงินชดเชยค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน และโรงไฟฟ้าศรีราชา ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 (QoQ) กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 73% สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานในส่วนของ SPP ลดลง ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำรวมลดลงจากลูกค้าอุตสาหกรรมบางส่วนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 4/2566 

ขณะที่เงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลงตามปัจจัยทางด้านฤดูกาล โดยบริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานลมนอกชายฝั่ง Changfang และ Xidao (CFXD) ไต้หวัน เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายไฟฟ้าที่สูงขึ้นเต็มไตรมาสของกังหันลมทั้งหมด 12 ต้น

นายวรวัฒน์ กล่าวอีกว่า GPSC ยังคงแสวงหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับทิศทางของการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานโลก  สะท้อนความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ที่ได้มีการลงทุนตามแผนการขยายกำลังการผลิตร่วมกับกลุ่มอวาด้า (Avaada Group)  ในประเทศอินเดีย ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายสัดส่วนกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เร็วกว่าเป้าหมาย