"EA" จ่อยื่นหนังสือ "กพช." ทบทวนเกณฑ์ประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน 8,500 เมกฯ

03 ต.ค. 2566 | 15:52 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2566 | 16:06 น.
919

"EA" จ่อยื่นหนังสือ "กพช." ทบทวนเกณฑ์ประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน 8,500 เมกะวัตต์ ระบุทั้งเฟส 1 ที่เปิดประมูลไปแล้ว 5,200 เมกฯ และที่กำลังจะเปิดประมูลใหม่ 3,200 เมกฯ ชี้เป็นการจำกัดสิทธิเอกชนที่ใช้สิทธิตามกฎหมาย

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรืออีเอ (EA) เปิดเผยว่า ภายในช่วง 1-2 วันนี้ บริษัทเตรียมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับซื้อไฟฟ้าโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งเฟส 1 ขนาด 5,200 เมกะวัตต์(MW) ที่เปิดประมูลไปแล้ว และเฟส 2 ที่กำลังจะเปิดประมูล กำลังการผลิต 3,200 เมกะวัตต์

"บริษัทฯขอให้ทบทวนมติบอร์ด กพช. ในส่วนของเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ว่า ผู้ยื่นข้อเสนอในการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมต้องไม่เป็นผู้ร้องเรียน ผู้อุทธรณ์ ผู้ฟ้องร้อง ให้หน่วยงานภาครัฐ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ตามระเบียบคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) และประกาศเชิญชวนรวมถึง กพช. - กกพ. และกระทรวงพลังงาน ต้องรับผิดในทางวินัย ทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง จากการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งมติดังกล่าว ถือเป็นการจำกัดสิทธิของบริษัทเอกชนที่ใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา EA ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ จากที่ได้มีการยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมไปทั้งหมด 20 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 2,000 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่ไม่ชนะได้มีการยื่นอุทธรณ์ตามเงื่อนไขของภาครัฐ ซึ่งก็มีทั้งโครงการที่ผ่านและไม่ผ่าน อีกทั้งยังมีหลายโครงการที่ยื่นฟ้องศาลด้วย ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาของศาล

อย่างไรก็ดี หาก กกพ. และ กพช. ยืนยันจะเดินหน้า หรือเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่อ บริษัทฯก็คงทำอะไรไม่ได้ คงทำเท่าที่เราทำได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยคดีดังกล่าวนี้ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ซึ่ง กกพ. มีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ได้

EA จ่อยื่นหนังสือ กพช. ทบทวนเกณฑ์ประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน 8,500 เมกฯ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งทุเลาโครงการเสนอขายไฟฟ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ Feed-in Tarrif ปี พ.ศ.2565-2573 หลังจาก บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด บริษัทย่อยของ EA ยื่นเรื่องฟ้อง กกพ. ออกคำสั่งโดยอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความโปร่งใส และยุติธรรม

ศาลปกครองเพชรบุรี สั่งทุเลาการบังคับประกาศสำนักงาน กกพ.เรื่องรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาอุทธรณืความพร้อมทางด้านเทคนิคชั้นต่ำตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ Feed-in Tarrif ปี พ.ศ.2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ลงวันที่ 10 มี.ค.66 ที่ออกตามมติของ กกพ.ในการประชุมครั้งที่ 13/2566 (ครั้งที่ 841) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.66 ซึ่งไม่มีรายชื่อของ เทพสถิต วินด์ฟาร์ม เป็นผู้ผ่านการพิจารณาและได้อุทธรณ์ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ส่วนสาเหตุที่ศาลมีคำสั่งให้ทุเลา เนื่องจากการดำเนินการตามประกาศ ของ กกพ. เรื่องประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed–in Tariff (FiT) ปี พ.ศ. 2565-2573 สำหรับพลังงานลม พ.ศ.2565 (“ประกาศเชิญชวน”) ในเบื้องต้นน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ การคัดเลือกผู้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ดำเนินการตามประกาศดังกล่าว ซึ่งน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นผลให้ผู้ฟ้องคดีตกเป็นผู้ไม่ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ความพร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำตามเกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) ตามประกาศ กกพ.

นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า การคัดเลือกดังกล่าวไม่ได้มีการประกาศเกณฑ์การให้คะแนน และเกณฑ์ให้คะแนนเทคนิคขั้นต่ำผ่านหรือไม่ผ่าน (Pass/Fail Basis) หรือเกณฑ์คะแนนคุณภาพ การให้น้ำหนักคะแนนมาก-น้อย ที่ใช้ในการคัดเลือก จึงอาจทำให้กระบวนการคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าไม่มีความโปร่งใส และยุติธรรม จะเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียประโยชน์จากการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวได้ และจะผูกพันไปตลอดอายุสัญญาขายไฟฟ้า โดยไม่อาจจะแก้ไขอย่างใดได้อีกตลอดระยะเวลา 25 ปี ซึ่งเป็นความเสียหายที่มิอาจเยียวยาแก้ไขได้ในภายหลัง

"การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ยังไม่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น อีกทั้งปริมาณพลังงานไฟฟ้าสำรองของประเทศในปัจจุบันมีมากกว่าร้อยละ 30 จึงไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงอันเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าสำรองซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน"

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาโครงการดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กพช. กกพ. การไฟฟ้า (กฟผ. กฟน. กฟภ.) และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะดำเนินการต่ออย่างไร เนื่องจากเกิดความไม่ชัดเจนทางกฎหมายในส่วนของวิธีปฎิบัติ และหากปฏิบัติตามประกาศเชิญชวน ต่อไปแล้วอาจจะมีปัญหาทางด้านความถูกต้องทางกฎหมาย