ไทยเตรียมรับมือมาตรการ CBAM อียูเตรียมลงพื้นที่ไทยปลายก.ย.นี้

05 ก.ย. 2566 | 13:33 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2566 | 13:59 น.

พาณิชย์ ผนึกกำลังพันธมิตรเปิดรับฟังความเห็น เตรียมรับมือมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งการเตรียมรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ข้อกังวลของภาคธุรกิจไทย ด้านอียูเตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลและให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการไทย ช่วงปลาย ก.ย.นี้  

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รับมือการออกประกาศใช้มาตรการ CBAM กับสินค้านำเข้า 6 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม  ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 จะต้องแจ้งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ผู้นำเข้าจะต้องซื้อ “ใบรับรอง CBAM” ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

โดย กรมได้นำผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน แลกเปลี่ยนมุมมองต่อการเตรียมรับมือมาตรการ CBAM ของอียู ทั้งการเตรียมรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การตรวจสอบรับรองการรายงานของภาคเอกชน โดยหน่วยงานสอบทาน (verification and accreditation) และข้อห่วงกังวลของภาคธุรกิจไทยไม่ กว่าจะเป็นการรายงานข้อมูลที่อาจเป็นความลับด้านเทคโนโลยี

ไทยเตรียมรับมือมาตรการ CBAM  อียูเตรียมลงพื้นที่ไทยปลายก.ย.นี้

ความพร้อมและสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ โดยควรให้ความยืดหยุ่นกับประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มระยะเวลาในการรายงานและปรับแก้ข้อมูลมากขึ้น เนื่องจากการรายงานข้อมูลมีความซับซ้อนและมีหลักเกณฑ์การลงโทษสำหรับการรายงานข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งประเด็นที่ภาคธุรกิจไทยต้องการได้รับการสนับสนุนจากอียู เช่น การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับรายงานข้อมูลในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 ปีแรก การให้สามารถใช้ผู้ทวนสอบในไทย (local accredited verifiers) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และทางเลือกการลดหย่อนภาระในการซื้อใบรับรอง CBAM หากได้มีการดำเนินการลดก๊าซฯ ในประเทศแล้ว เป็นต้น

 

 

 

ทั้งนี้ กรม อบก. และ สอท. จะรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะจากการสัมมนาครั้งนี้ ไปจัดทำแผนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะการหารือกับอียู ซึ่งได้เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคเอกชนไทยให้ได้มากที่สุด