หลังจากที่ แจ็ก หม่า (Jack Ma) มหาเศรษฐีชาวจีน ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและอี-คอมเมิร์ซระดับโลกปรากฏตัวออกสื่อเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ในฐานะอาจารย์รับเชิญพิเศษแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นั่นเหมือนจะเป็นการส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่า มหาเศรษฐีระดับโลกที่สร้างตัวเองจากศูนย์คนนี้ กำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับการเกษตรแบบยั่งยืน และ การผลิตอาหาร เพราะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่เขาจะทำร่วมกับมหาวิทยาลัยในฐานะนักวิจัย
หัวข้อวิจัยของแจ็ก หม่านั้นได้แก่เรื่อง Sustainable Agriculture and Food Production ในช่วงเวลานั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่า แจ็ก หม่า คงหมดไฟในเรื่องธุรกิจแล้ว และหันมาทุ่มเทความสนใจให้กับงานด้านวิชาการ และแบ่งปันประสบการณ์-ถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนนักศึกษามากกว่า
แต่การกล่าวเช่นนั้น อาจจะเป็นการด่วนสรุปเกินไป เพราะล่าสุดต้นสัปดาห์นี้ สื่อต่างประเทศรวมทั้งซีเอ็นบีซี สื่อใหญ่ของสหรัฐ รายงานข่าวว่า แจ็ก หม่า กำลังเริ่มอาชีพใหม่ในฐานะนักลงทุนในบริษัทที่ชื่อ 1.8 Meters Marine Technology (Zhejiang) Co., Ltd. เป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจีนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการเกษตรซึ่งจะช่วยพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ (agritech) หรือการเกษตรอัจฉริยะ (smart farming) ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน
ก่อนหน้านี้ หลายคนมองว่า การเป็นนักธุรกิจของแจ็ก หม่า คงจะเดินทางมาถึงฉากสุดท้ายแล้ว เพราะหลังจากโดนทางการจีนสั่งคว่ำดีล IPO ของ Ant Group ที่เป็นบริษัทฟินเทคในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป ข่าวคราวแจ็ก หม่า ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอาลีบาบาก็แทบจะหายไปจากหน้าสื่ออย่างสิ้นเชิง มีเพียงข้อมูลออกมาประปรายว่าเขาไปปรากฏตัวเป็นครั้งคราวในประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
แต่สื่อที่เปิดประเด็นความสนใจใหม่ของแจ็ก หม่าในด้านการเกษตร คือ เซาธ์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ สื่อใหญ่ของฮ่องกง ที่ออกมาระบุว่า บริษัทสตาร์ทอัพที่มหาเศรษฐีรายนี้เข้าไปลงทุน เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตั้งอยู่ในเมืองหางโจว ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดและเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา กรุ๊ปนั่นเอง
การกลับมาในแวดวงธุรกิจอีกครั้งหลังจากเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบๆอยู่ราว 3 ปี ทำให้การลงทุนด้วยการถือหุ้น 10% ในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการเกษตรของเขาครั้งนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เหตุผลหนึ่งเนื่องจาก...
ทั้งนี้ ในการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ย้ำถึงความสำคัญของการนำพาจีนไปสู่การพัฒนาการเกษตรขั้นสูงและชนบทสมัยใหม่ การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร การส่งเสริมระบบนิเวศอุตสาหกรรมการเกษตรที่ทันสมัย การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเกษตรอัจฉริยะ และการสร้างสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาทางการเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อสร้างจีนให้เป็นประเทศที่แข็งแกร่งทางการเกษตรชั้นนำของโลกนั่นเอง โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกษตรอัจฉริยะของจีน มีความเติบโตรุดหน้าอย่างมาก ขณะที่มณฑลต่าง ๆ ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลกลาง โดยเร่งการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวของแจ็ก หม่า ไปในทิศทางเดียวกันนี้ จึงถือเป็นการขยับตัวที่ไม่สร้างความขัดแย้งกับรัฐบาล ลดการเสียดทาน และดีไม่ดีควรจะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมด้วยซ้ำ แตกต่างไปจากในอดีตที่ธุรกิจของเขาถูกทางการควบคุมและตรวจสอบอย่างหนัก
สื่อระบุว่า แจ็ก หม่า ใช้เวลาในช่วงที่ต้องลดบทบาททางธุรกิจและเก็บปากเก็บคำ (หลังจากที่ไปเอ่ยปากวิพากษ์วิจารณ์ระบบกำกับดูแลการเงินการธนาคารของรัฐบาลจีนในปี 2020) ห่างหายจากการออกสื่อในช่วงสามปีที่ผ่านมา ตระเวนศึกษาหาข้อมูลและประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรในหลายประเทศ อาทิ สเปน เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น รวมทั้งไทย
การลงทุนของเขาในบริษัท 1.8 Meters Marine Technology (Zhejiang) จึงเป็นการส่งสัญญาณว่า แจ็ก หม่า มีความจริงจังที่จะเดินหน้าธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรสมัยใหม่
นักวิเคราะห์เชื่อว่า จากประสบการณ์ด้านการบริหารองค์กรธุรกิจที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการค้าและเทคโนโลยี ความพร้อมทางการเงิน ตลอดจนวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจชั่วโมงบินสูง แจ็ก หม่า น่าจะทำให้ธุรกิจด้านการเกษตรของเขาพัฒนาไปสู่การเป็นจักรกลตัวใหม่ที่จะนำโลกของเทคโนโลยีมาบรรจบกับการผลิตที่ทันสมัยได้อย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิต ไปจนถึงการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน