"บางจาก" ฮุบ "เอสโซ่" 5.5 หมื่นล.ปิดตำนานปั๊มตราเสือเมืองไทย

12 ม.ค. 2566 | 16:58 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ม.ค. 2566 | 00:00 น.

"บางจาก" ฮุบ "เอสโซ่" 5.5 หมื่นล.ปิดตำนานปั๊มตราเสือเมืองไทย เผยเตรียมเปลี่ยนปั๊มทั้งหมดเป็นบางจากใน 2 ปี ขึ้นแท่นกำลังผลิตน้ำมันสูงสุดในประเทศ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการประกาศซื้อหุ้นของ บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte.Ltd และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด ว่า การลงทุนครั้งดังกล่าวนี้จะใช้วงเงินรวม 55,500 ล้านบาทในการซื้อหุ้นทั้ง 100%

 

สำหรับสินทรัพย์ที่บางจากฯจะได้รับ คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันคิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบ 7.4 ล้านบาร์เรล และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง โดยจะก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัทคิดเป็น 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปี 

อีกทั้งจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวันสูงสุดของไทย โดยจะทำให้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น และทำให้มีเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง โดยทั้งหมดนี้คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อจากเอสโซ่เป็น "บางจาก" ภายใน 2 ปี

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า การซื้อกิจการเอสโซ่ครั้งนี้จะทำให้บางจากฯมีกำลังการกลั่น 294,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ส่วนจำนวนสถานีบริการรวมเป็น 2,100 แห่ง ยังคงเป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 7.5% จากทั้งหมดประมาณ 20,000 แห่ง 

 

ขณะที่ยอดขายน้ำมันต่อลูกค้าทั่วไปจะเป็นอันดับ 3 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% และน้ำมันที่รวมผู้ซื้อจากทุกกลุ่ม อาทิ ภาคอุตสาหกรรม จะอยู่อันดับ 2 หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 21% 

ทั้งนี้ สาเหตุของการซื้อกิจการครั้งนี้ นอกจากเพื่อการต่อยอดธุรกิจของบางจากฯแล้วภายใต้เป้าหมาย 3 ขา ได้แก่ ความมั่นคง การเข้าถึงผู้บริโภค และความยั่งยืน โดยบางจากฯยังเห็นโอกาสของกำลังซื้อในไทย ซึ่งปัจจุบันยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศอยู่ที่ 8-9 แสนคันต่อปี โดยในจำนวนนี้ 90% เป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน 

 

ส่วนรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้ง อีวี ปลั๊กอินไฮบริด มีประมาณ 2-3 หมื่นคันเท่านั้น ขณะที่รถยนต์ที่วิ่งในประเทศไทยยังเติมน้ำมันมากถึง 99.99% ดังนั้นจึงมองว่าความต้องการน้ำมันของไทยยังมีสูงและมีระยะเวลาที่นานพอ 

 

"ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บางจากฯยังให้ความสำคัญอยู่ รวมทั้งจะคงมุ่งลดการปล่อยคาร์บอนตามเป้าหมายที่บางจากฯตั้งไว้ คือ Net Zero ภายในปี 2050"