รู้จักทีมชาติฟุตบอลหญิงสหรัฐ เต็งหนึ่งบอลโลก 2023
ประเดิมสนามแรก 22 ก.ค. ทีมชาติฟุตบอลหญิงสหรัฐ เต็งหนึ่งบอลโลกหญิงปีนี้ ก็ถล่มเวียดนาม ทีมชั้นนำจากเอเชียแบบขาดลอย 3-0 เรามาทำความรู้จักทีมแข้งเหล็กหญิงสุดแกร่งจากสหรัฐกัน ศึกบอลโลกปีนี้ไม่ขาดสีสันอย่างแน่นอน
ทีมชาติฟุตบอลหญิงของสหรัฐอเมริกา นั้น ต้องถือเป็น ทีมเต็งหนึ่ง เพราะเรากำลังพูดถึงทีมชาติบอลหญิงที่เป็น แชมป์ฟุตบอลโลก มาสองสมัยติดต่อกันแล้ว คือบอลโลกปี 2015 และ 2019 และถ้าพวกเธอทำสำเร็จอีกครั้งในปีนี้ 2023 ก็เท่ากับว่า สหรัฐอเมริกา จะได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก(หญิง) สามสมัยรวด ซึ่งยังไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ แต่ยิ่งมีคำว่าแชมป์โลกค้ำคอ พวกเธอก็ยอมรับว่าเป็นแรงกดดันที่ทำให้ต้องพยายามมากขึ้นตามไปด้วย
วันเสาร์ที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ทีมชาติสหรัฐซึ่งอยู่ในกลุ่มอี (E) ประเดิมสนามแรก ด้วยการพบกับทีมชาติเวียดนาม ทีมแกร่งจากเอเชีย สหรัฐเก็บคะแนนด้วยการชนะแบบขาดลอย 3-0 สมกับตำแหน่งแชมป์ ด้วยฝีเท้าของโซเฟีย สมิธ และลินด์ซีย์ โฮแรน (กัปตันทีม)
ปีนี้ วแลตโก แอนโดนอฟสกี โค้ชทีมฟุตบอลหญิงของสหรัฐ ได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถสานต่อความสำเร็จของโค้ชคนก่อน คือ จิล เอลลิส ที่พาทีมแข้งเหล็กหญิงอเมริกันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สองสมัยติดกันเมื่อปี 2015 และ 2019 ซึ่งถือเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 3 และ 4 ของทีมลุงแซม
คนรุ่นใหม่คือพลังของทีม
โค้ชแอนโดนอฟสกีเปิดเผยจุดแข็งของทีมว่า เธอเน้นพึ่งพานักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาแทนรุ่นพี่ที่เริ่มร่วงโรย โดยในศึกฟุตบอลโลก(หญิง) 2023 ที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ครั้งนี้ มีการเรียกนักเตะหญิงหน้าใหม่เข้ามาติดทีมถึง 14 คนด้วยกันจากทั้งหมด 23 คน
ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียวเมื่อสองปีก่อนซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการแรกที่โค้ชแอนโดนอฟสกีเข้ามาคุมทีม ทีมชาติสหรัฐสามารถคว้าเพียงเหรียญทองแดงมาครอง หลังพ่ายแพ้แบบฉิวเฉียดในรอบรองชนะเลิศทำให้พลาดการเข้าชิงเหรียญทอง
แต่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมชาติสหรัฐ แชมป์เก่าสี่สมัยและทีมอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มอี ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับทีมเนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส และเวียดนาม สหรัฐชนะเวียดนามแล้ว และกำลังจะพบกับเนเธอร์แลนด์ รองแชมป์บอลโลก ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จากนั้นจะพบกับโปรตุเกสในวันที่ 1 ส.ค.
ผลงานยอดเยี่ยมครองแชมป์บอลโลกมากที่สุด
ทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกบอลโลก FIFA Women's World Cup ซึ่งเคยมีมาแล้ว 8 ครั้ง โดยครั้งแรกมีขึ้นในปี 1991 ทีมชาติสหรัฐได้ครองแชมป์ในปีแรกนั้น ต่อมาก็ได้แชมป์อีก 3 ครั้งในบอลโลกหญิงปี 1999, 2015 และ 2019 รวมเป็นเคยได้แชมป์มาแล้ว 4 ครั้งด้วยกัน
แต่ ทีมที่เคยเป็นแชมป์ติดต่อกันสองครั้ง มีเพียง 2 ทีมเท่านั้น คือ ทีมชาติสหรัฐ ปีที่ได้แชมป์ติดต่อกันคือปี 2015 และ 2019 (ฟุตบอลโลกจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี) และทีมชาติเยอรมนี ได้แชมป์ติดต่อกันในปี 2003 และ 2007
ดังนั้น ในปี 2023 นี้ ซึ่งเป็นการจัดบอลโลกหญิงครั้งที่ 9 ถ้าหากสหรัฐได้ครองแชมป์อีก ก็จะสร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ คือเป็นทีมชาติฟุตบอลหญิงที่ได้ครองแชมป์บอลโลก 3 ครั้งติดต่อกัน
บอลโลกปีนี้มีใครบ้างในทีมชาติสหรัฐ 23 คน
ผู้เล่น 23 คนในทีมชาติฟุตบอลหญิงสหรัฐที่จะลงสนามในศึกบอลโลก FIFA Women's World Cup 2023 ประกอบด้วย
- ผู้รักษาประตู: ออบรีย์ คิงส์เบรี, เคซีย์ เมอร์ฟี และอลิสซา เนเฮอร์
- กองหลัง: อาลานา คุก, เอมิลี ฟ็อกซ์, คริสตัล ดันน์, นาโอมิ เกอร์มา, โซเฟีย เฮอร์ทา, เคลลี โอฮารา และเอมิลี ซอนเนตต์
- กองกลาง: ซาวันนาห์ เดเมโล, จูลี เอิร์ทซ์, ลินด์ซีย์ โฮแรน (กัปตันทีม), โรส ลาเวลล์, คริสตี เมวิส, แอชลีย์ ซานเชส และแอนดี ซัลลิแวน
- กองหน้า: อเล็กซ์ มอร์แกน, เมแกน ราพิโน, ทรินิตี ร็อดแมน, โซเฟีย สมิธ, อลิซซา ธอมป์สัน และลิน วิลเลียมส์
บรรดาแฟนฟุตบอลอเมริกันต่างคาดหวังว่าทีมชาติของพวกเขา จะทำได้เหมือนกับนัดเปิดสนามเมื่อสี่ปีก่อน ที่สามารถถล่มนักเตะหญิงทีมชาติไทยไปถึง 13-0 (ครั้งนั้นเป็นการแข่งขันที่ประเทศฝรั่งเศส ช่วงเดือนมิ.ย.ปี 2019 แม้ไทยจะพ่ายแพ้อย่างมโหฬาร แต่ก็ไม่แปลกเพราะเวลานั้นทีมชาติสหรัฐเป็นทีมฟุตบอลหญิงอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ทีมชาติไทย เป็นอันดับ 34 ของโลก)
แต่ในส่วนของโค้ชแอนโดนอฟสกี เธอมองสวนทางว่า ไม่คาดว่าเหตุการณ์ชนะถล่มทลายเช่นนั้นจะเกิดขึ้นอีกในบอลโลกครั้งนี้ เห็นได้จากการที่ทีมชาติต่าง ๆ พัฒนาขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น เจ้าภาพนิวซีแลนด์ ที่เพิ่งพลิกล็อกชนะทีมแกร่งอย่างนอร์เวย์ ในนัดเปิดสนามเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลกหญิงที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีทีมเข้าแข่งขัน 32 ทีม จากเดิม 24 ทีม โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จากนั้นจะมีทีมอันดับที่ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบไปแข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบแพ้ตกรอบ จนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 20 สิงหาคม 2566
โดยทีมชาติสหรัฐ ถูกจัดให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์โลก รองลงมาคือ ทีมชาติอังกฤษและสเปน ตามลำดับ ขณะที่เจ้าภาพ ออสเตรเลีย ถูกมองว่า อาจจะเป็นม้ามืดที่มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาคว้าแชมป์ได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก รอยเตอร์/ Ussoccer.com