ออมสิน หนุน 5 สมาคมกีฬา ขานรับนโยบายรัฐ ดันกีฬาเป็น Soft Power

04 เม.ย. 2567 | 18:17 น.
อัปเดตล่าสุด :04 เม.ย. 2567 | 18:17 น.

ออมสิน สนับสนุน 5 สมาคมกีฬาฯ ต่อเนื่อง 4 ปี ร่วมผลักดันกีฬาเป็น Soft Power ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาวงการกีฬาควบคู่ไปกับการผลักดันให้การกีฬาเป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศไทย ภายใต้โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส 

ออมสิน หนุน 5 สมาคมกีฬา ขานรับนโยบายรัฐ ดันกีฬาเป็น Soft Power

โดยธนาคารออมสินได้รับมอบนโยบายให้สนับสนุน 5 สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ได้แก่

1) สมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย

2) สมาคมกีฬาวินด์เซิร์ฟแห่งประเทศไทย

3) สมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย

4) สมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย

5) สมาคมกีฬาเนตบอลแห่งประเทศไทย 

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ และสร้างศักยภาพบุคลากรของประเทศในระดับนานาชาติ ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และผู้มีวิชาชีพด้านการสนับสนุนของวงการกีฬา ซึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ณ ทำเนียบรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสินได้จัดพิธีมอบงบประมาณสนับสนุนแก่ 5 สมาคมกีฬา ซึ่งจะมีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี (ปี 2567 – 2570) โดยมีผู้รับมอบ ประกอบด้วย พลเรือโทศรายุทธ แดงเทศ อุปนายกสมาคมกีฬาวินด์เซิร์ฟแห่งประเทศไทย นาวาตรีศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.ชาญชัย สุขสุวรรณ์ นายกสมาคมกีฬายูยิตสูแห่งประเทศไทย นายสงวน โฆษะวินทะ นายกสมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย และนางนฤมล ศิริวัฒน์ นายกสมาคมกีฬาเนตบอลแห่งประเทศไทย ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567

“ธนาคารออมสิน ภายใต้ภารกิจธนาคารเพื่อสังคม พร้อมสนับสนุนและส่งต่อคุณค่าร่วมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลักดันและสนับสนุนด้านการกีฬามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการกีฬาธนาคารโรงเรียน ธนาคารออมสิน ที่ได้สนับสนุนมาตลอดระยะเวลา 15 ปี เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสในการพัฒนาทักษะและแสดงความสามารถด้านกีฬา ซึ่งถือเป็นการพัฒนาศักยภาพเยาวชน และเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาบุคลากรที่ยั่งยืนของประเทศต่อไป”