การสร้างบ้านเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ดังนั้นการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของบ้านได้รับบ้านที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และตรงตามความต้องการ ลดปัญหาการทิ้งงาน งบประมาณบานปลาย หรือการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association: HBA) กล่าวว่าสมาคมฯ ให้ความสำคัญกับการยกระดับมาตรฐานการบริการของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยมุ่งสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านให้ได้มากที่สุด
เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ สมาคมฯ ได้รวบรวม "7 เช็กลิสต์ที่ต้องรู้!" ก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาบ้านไม่ตรงปก งบประมาณบานปลาย และการโดนทิ้งงาน
1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของบริษัท
ก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท เช่น อายุธุรกิจ ประสบการณ์ในอุตสาหกรรม และผลงานที่ผ่านมา สามารถเช็กได้จากเว็บไซต์ของบริษัท รีวิวจากลูกค้า หรือแม้กระทั่งเยี่ยมชมสำนักงานจริงของบริษัทเพื่อความมั่นใจว่ามีตัวตนอยู่จริง
2. ตรวจสอบผลงานก่อสร้างที่ผ่านมา
บริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานควรมีผลงานก่อสร้างที่ผ่านมาซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ดูคุณภาพของการก่อสร้าง รูปแบบดีไซน์ วัสดุที่ใช้ รวมถึงความเป็นมืออาชีพในการส่งมอบงาน หากเป็นไปได้ ควรขอเข้าเยี่ยมชมโครงการที่เสร็จแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพงานตรงกับที่โฆษณา
3. อ่านรีวิวและสอบถามจากลูกค้าเก่า
การศึกษาความคิดเห็นของลูกค้าเก่าเป็นวิธีที่ช่วยให้เข้าใจประสบการณ์การใช้บริการของบริษัทรับสร้างบ้าน ควรเช็กรีวิวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์รีวิวออนไลน์ โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่พูดคุยกับลูกค้าเก่าของบริษัทโดยตรงเพื่อทราบถึงคุณภาพงานและการให้บริการหลังการขาย
4. ตรวจสอบสัญญาว่าจ้างให้รอบคอบ
สัญญาก่อสร้างบ้านต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน ครอบคลุมทุกแง่มุมของการก่อสร้าง เช่น ราคาก่อสร้าง ระยะเวลาการทำงาน รายละเอียดวัสดุที่ใช้ เงื่อนไขการชำระเงิน และข้อกำหนดเกี่ยวกับการรับประกันงาน หากสัญญามีเงื่อนไขที่ไม่ชัดเจนหรือไม่เป็นธรรม อาจส่งผลเสียต่อเจ้าของบ้านในอนาคต ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก่อนเซ็นสัญญา
5. บริการที่ช่วยให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่าย
การสร้างบ้านมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ตั้งแต่การออกแบบ ขอนุญาตก่อสร้าง ขอใช้ไฟฟ้าและประปา ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพงาน หากบริษัทรับสร้างบ้านมีบริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ จะช่วยลดความยุ่งยากให้กับเจ้าของบ้าน และทำให้มั่นใจได้ว่างานก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
6. ควบคุมงบประมาณให้ไม่บานปลาย
การสร้างบ้านมีความเสี่ยงที่งบประมาณจะบานปลายจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาวัสดุที่ผันผวน ปัญหาหน้างาน หรือการเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง ดังนั้น ควรเลือกบริษัทที่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี มีการกำหนดราคาตั้งแต่แรก และมีแนวทางในการบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
7. บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมรับสร้างบ้าน
การเลือกบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมรับสร้างบ้าน (Home Builder Association - HBA) จะช่วยให้มั่นใจในมาตรฐานการก่อสร้าง เนื่องจากสมาคมมีการกำกับดูแล และสามารถเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมมักมีการรับรองมาตรฐานงานก่อสร้างและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
ดังนั้นการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการก่อสร้าง เจ้าของบ้านควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เปรียบเทียบตัวเลือก และตรวจสอบรายละเอียดทุกด้านก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้บ้านที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการ และสร้างเสร็จตามเวลาที่กำหนด