วิธีคิด “พิชญา ตันโสด” ทายาทรุ่น2 ‘RICHY’ ติดเครื่องยนต์รุกน่านน้ำใหม่ 

07 ต.ค. 2567 | 05:52 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2567 | 15:21 น.

คอลัมน์ THE ICONIC วิธีคิด “พิชญา ตันโสด”  ทายาทรุ่น 2 "RICHY" ธุรกิจอสังหาฯขาลงนำร่องเปลี่ยนคอนโดฯจากซื้อเป็นปล่อยเช่า ติดเครื่องยนต์รุกน่านน้ำใหม่ ลุยบริหารพอร์ตธุรกิจ 2.4หมื่นล้านขับเคลื่อนไปข้างหน้า  

ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในช่วงขาลง และเผชิญกับความยากลำบาก ผู้ประกอบการแบกต้นทุน รวมถึงสต๊อกที่อยู่อาศัยจำนวนมากที่เกิดจากความผันผวนทางเศรษฐกิจผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นและชะลอการตัดสินใจ

ประกอบกับ หนี้ครัวเรือนมีสูงเป็นชนวนให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อและนำมาซึ่งผลกระทบเป็นวงกว้างทุกค่ายต่างปรับตัวมองหาน่านน้ำใหม่เข้ามาเสริมทัพสร้างรายได้อย่างยั่งยืน 

คุณหวาน “พิชญา ตันโสด”

เช่นเดียวกับ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY  ที่มีคุณหวาน “พิชญา ตันโสด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีอีโอคนรุ่นใหม่ ทายาทรุ่น 2 ของ RICHY ซึ่งรับไม้ต่อมาจาก ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารและในฐานะนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย นักธุรกิจหญิงแกร่งผู้เป็นมารดา และเป็นต้นแบบในการบริหารธุรกิจท่ามกลางพายุใหญ่ 

 

คุณหวาน ถ่ายทอดวิธีคิดในการขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญกับปัจจัยลบมากมายผ่าน “THE ICONIC” ว่า บริษัท ไม่หยุดแค่ การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักเพียงอย่างเดียว แต่บริษัทมี 4 เครื่องยนต์ที่จะขยายธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยื่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม รีเทล ซึ่งจะเป็นรูปแบบคล้ายกับคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงธุรกิจเช่า-ซื้อโดยร่วมทุนกับคนในตระกูล เองตระกูล (คุณปุ๊กกี้ น้องสาวคุณเป๊ก สัญชัย) ที่คุณปุ๊กกี้ มีคลินิกสุขภาพเจาะตลาดนักท่องเที่ยวอยู่ก่อนแล้ว

นอกจากนี้ ริชชี่ยังมีเป้าหมายเพิ่มธุรกิจทางด้านพลังงานซึ่งมองว่าในอนาคต น่าจะเติบโตต่อได้ ทั้งนี้ธุรกิจด้านพลังงาน ที่จะเชื่อมการลงทุนกับทาง ผู้ถือหุ้น “ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล” ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลวิภาวดี หรือ VIBHA  ที่จะสร้างการเติบโตเพิ่มเติมให้กับบริษัทได้ในระยะยาว

ขณะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ คุณหวานยืนยันว่าไม่ขยายโครงการเพิ่มแต่เน้นการระบายสต๊อกออกไป ให้มากที่สุดเพื่อให้ตัวเบาที่สุด และนำมาตรการ ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง ของรัฐบาล มาต่อยอดแคมเปญ ของบริษัทเพื่อจูงใจ โดยรัฐบาลให้เท่าใด บริษัทได้คูณสามหรือคูณสองเท่าให้กับลูกค้า

คุณหวานอธิบายว่า เนื่องจากตลาดไม่สดใสหนี้ครัวเรือนสูง อสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีวงจรเข้าสู่ช่วงขาลง ส่งผลให้ บริษัท มองหาน่านน้ำใหม่ กับเครื่องยนต์ตัวอื่นๆ

 กลยุทธ์ปีนี้ วางแผนระบายสต๊อก ให้ตัวเบาที่สุด เพราะมีปัจจัยที่มากระทบรอบด้าน ทั้งปัจจัยภายนอกอย่าง ภัยสงคราม  ส่งผลให้ขณะนี้ต้องตระหนักถึงการรักษาสภาพคล่องเร่งระบายสต๊อกต่อเนื่อง โดยนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลเศรษฐา มาต่อยอดกับแคมเปญ

 ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับตัว นำสต๊อกผันเป็นห้องพักสำหรับเช่า-ซื้อเพราะระหว่างทางหากผู้บริโภคกู้ไม่ผ่านก็สามารถเช่าเพื่อนำเงินค่าเช่าเปลี่ยนเป็นซื้อห้องชุดกับทางบริษัทได้ โดยบริษัทต้องสร้างกระแสเงินสด และในกรณีดอกเบี้ยสูงก็จัดแคมเปญร่วมกับสถาบันการเงินนำดอกเบี้ยถูกออกมาช่วยลูกค้า

โดยมีคอนโดมิเนียม 4 โครงการปล่อยเช่า โดยโครงการแรก เดอะริช สาทร-ตากสิน จำนวน 100 ห้องตกแต่งเรียบร้อยแล้ว เน้นดีมานด์กลุ่มทำงานในเมือง ใกล้โซนเดอะริชสาทร นอกจากนี้ โครงการ เดอะริช พระราม9 รวมถึงโครงการทำเลใกล้ธนาคารแห่งประเทศไทย และโครงการริชพาร์ค เทอร์มินอล พหลโยธิน 59 ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ดี

อย่างไรก็ตาม คุณหวาน ยังมีความหวังว่ารัฐบาล จะมียาแรงออกมากระตุ้นกำลังซื้อ เพราะ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เฟสแรกยังไม่แรงพอ ขณะที่คนต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองยังมีมากแต่กู้ไม่ผ่าน

  สำหรับสต๊อกในมือริชชี่เกือบหมื่นล้านบาท มี Backlog หรือ ยอดสะสมรอโอน กว่า2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งขายเร่งโอน และเนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศอ่อนกำลัง  จึงเน้นกำลังซื้อต่างชาติซึ่งบริษัทได้ตั้งโต๊ะ โรดโชว์ลูกค้าจีนและอีกหลายประเทศ ส่วนเมียนมามีกำลังซื้อสูงซึ่งหนีสงครามและตัดสินใจซื้อห้องตัวอย่าง ในราคากว่า 30 ล้านบาท แต่ระยะหลังรัฐบาลเมียนมาเริ่มเข้มงวดและห้ามนำเงินออกนอกประเทศ  

ขณะธุรกิจรีเทล ไตรมาส 4 เริ่มเปิดตัว มองว่าเหมาะสมกับการลงทุนในช่วงนี้เพราะมีรายได้กลับมาทันที ทั้งจากกลุ่มช้อปปิ้งทั้งคนไทยและต่างชาติ  รีเทล โรงแรม ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ใหม่  ซึ่งในส่วนโรงแรมมองว่าควรเป็น 3 ดาว ซึ่งเป็นตลาดที่สร้างโอกาสที่ดี ราคาไม่สูงเกินไปและจับต้องได้สำหรับกลุ่มลูกค้าจากต่างชาติหรือในประเทศ คุณหวานเล่าว่า เป็นผู้ศึกษาตลาดเอง  ว่าไปไหวหรือไม่ ตลาดคู่แข่งเป็นอย่างไร

โดยมองว่าแต่ละเครื่องยนต์ต้องชัดเจน   ซึ่งเป็นฝันใหม่ๆ เรียนรู้ มีการเจรจาเอง  และหากเครื่องยนต์ไหนสะดุด ต้องวิเคราะห์และเก็บข้อมูลพร้อมหาทางออกใหม่ๆ   อย่างไรก็ตามมองว่าธุรกิจนี้สร้างผลตอบแทนเก็บเกี่ยวรายได้ในระยะยาว อนาคตจะเติบโต และมีแผนลงทุนกับชาติอาหรับ ในธุรกิจโรงแรมเวลเนส ที่พักอาศัยเชิงสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดอาหรับเป็นตลาดใหญ่กำลังซื้อสูงเมื่อมาเมืองไทย มักอยู่ย่านสุขุมวิทตอนต้น และมาพบแพทย์ ที่เมืองไทย มีประกันรายได้ ทั้งนี้พอร์ตเครื่องยนต์ทั้ง 4 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.4 หมื่นล้านบาท ที่พร้อมจะขับเคลื่อน  

ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับบุคลากร ที่ทำงานเป็นทีมและให้ความสำคัญในการพัฒนาทักษะทุกรูปแบบเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ หากติดขัดมีปัญหา จะปรึกษาคุณแม่ (ดร.อาภา) อยู่เสมอ  โดยคุณแม่มักสอนว่าจะต้องแก้อย่างไร เพราะมีประสบการณ์น้อย  มีปัญหาต้องแกะปมนั้นออกมา โดยท่านสอนมาโดยตลอด ทั้งในแง่การตลาด ได้เรียนรู้แนวคิดการตัดสินใจต้องยึดหลักอะไร และต้องทำอย่างไร

 โดยให้ความสำคัญกับบุคลากร อบรมเรื่องขอบเขตของงาน ทำเวิร์คช้อปแก้ปัญหาระหว่างแผนก การทำงานจะเน้นไม่ว่าแผนกเขาเอง ต้องข้ามฝั่งแก้ปัญหาร่วมกัน การกระจายงานไปยังกลุ่มงานต่างๆ และโปรโมทพนักงาน พร้อมที่จะโตไปกับบริษัท