อสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวบูม ไตรมาสแรกเงินลงทุนสะพัดกว่า 5.6 หมื่นล้าน

11 พ.ค. 2567 | 02:01 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2567 | 02:01 น.

ตลาดบ้าน-คอนโด หัวเมืองท่องเที่ยวโตต่อเนื่อง บิ๊กอสังหาฯ ทุ่มลงทุนหัวเมืองท่องเที่ยว 5.6 หมื่นล้าน ภูเก็ตผุด 3,500 ยูนิต

KEY

POINTS

  • ตลาดอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยอย่างภูเก็ต พัทยา และหัวหิน เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาสแรกปี 2567 มีการลงทุนในโครงการใหม่รวมมูลค่ากว่า 56,600 ล้านบาท สูงกว่ากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี
  • เฉพาะในภูเก็ตมีคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ถึง 12 โครงการ 3,338 ยูนิต มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท พัทยามี 3 โครงการใหม่ 4,493 ยูนิต มูลค่า 16,100 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีโครงการใหม่รวมกว่า 7,000 ยูนิต สูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนหัวหินมี 2 โครงการใหม่ 671 ยูนิต มูลค่า 6,000 ล้านบาท
  • นอกจากคอนโดมิเนียมแล้ว ยังมีบ้านพักตากอากาศเปิดขายใหม่ในภูเก็ตถึง 10 โครงการ 237 ยูนิต มูลค่ากว่า 9,500 ล้านบาท คาดว่าตลาดอสังหาฯ ในหัวเมืองท่องเที่ยวจะยังเติบโตต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 2567

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองท่องเที่ยวในปีนี้ยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งฟื้นตัวกลับมาเกือบเท่าก่อนช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมากกว่า 12 ล้านคน สร้างมูลค่าจากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศกว่า 5.83 แสนล้านบาท

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า เมืองท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน มีการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยพบว่ามีการลงทุนด้านอสังหาฯ รวมกว่า 5.6 หมื่นล้านบาททั้งใน 3 พื้นที่ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี ที่โครงการเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพัทยารวมสูงกว่ากรุงเทพมหานคร ด้านจำนวนยูนิตขายและมูลค่าการพัฒนา และหลายโครงการปิดการขายได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ภูเก็ตมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ 12 โครงการ  3,338 หน่วย มูลค่าการลงทุนกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ทั้งผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานคร และผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น แสนสิริ, แอสเซทไวส์, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, ฮาบิแทท กรุ๊ป และล่าสุด GG Captial กับโครงการใหม่ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา ซึ่งมีมูลค่า 5 พันล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนๆ ซึ่งคอนโดมิเนียมเปิดขายเฉลี่ยปีละประมาณ 2,000-3,000 ยูนิต แต่เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นบวกกับการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงคาดว่าในปี 2567 อาจมีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 8,500 ยูนิต

ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ตที่อยู่ในตลาดทั้งหมดมี 87 โครงการ ทั้งหมด 25,591 ยูนิต แบ่งเป็นที่ขายแล้ว 16,905 ยูนิต คิดเป็น 66.05% และรอการขายทั้งหมด 8,686 ยูนิต คิดเป็น 33.95%

ภัทรชัย ทวีวงศ์

สำหรับอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวเช่นพัทยาในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ฟื้นตัวอีกครั้ง มีโครงการเปิดขายใหม่ 3 โครงการ  4,493 ยูนิต มูลค่าการลงทุนราว 1.6 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ครึ่งแรกปี 2554 – ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 พบคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พัทยาทั้งหมด 112,671 ยูนิต แบ่งเป็นย่านจอมเทียน 44,692 ยูนิต คิดเป็น 39.66% ตามมาด้วยเขาพระตำหนัก 21,214 ยูนิต คิดเป็น 18.82% และใจกลางเมืองพัทยาจำนวน 21,077 ยูนิต คิดเป็น 18.70% ทั้งนี้อีก 3 ไตรมาสที่เหลือในปี 2567 คาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 3,000 ยูนิต ส่งผลให้โครงการเปิดขายใหม่ในปีนี้อาจสูงกว่า 7,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, แสนสริ และแอสเซท ไวส์ เป็นต้น

สำหรับเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ชะอำ และปราณบุรี ตลาดคอนโดมิเนียมในใจกลางเมืองหัวหินได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าและผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสแรกของปี มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ 2 โครงการ 671 ยูนิต ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 12 ไตรมาส มูลค่าการลงทุนราว 6 พันล้านบาท แต่ในชะอำไม่พบว่ามีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากว่า 7 ปีนับตั้งแต่ในปี 2559 คาดการณ์ว่าในพื้นที่ชะอำยังคงไม่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและรอการขายอยู่จำนวนมาก

นอกจากนี้โครงการบ้านพักตากอากาศก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับคอนโดมิเนียม โดยมีโครงการบ้านพักตากอากาศเปิดขายใหม่ 10 โครงการ จำนวน 237 ยูนิต มูลค่าการลงทุนกว่า 9,500 ล้านบาท ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีอื่นๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า โดยมีผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล รวมถึงผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานครอย่าง แสนสิริ, แอสเซทไวส์, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, ฮาบิแทท กรุ๊ป รวมถึง ไซมิส แอสเสท ให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศบนทำเลย่านนี้

สำหรับภาพรวมตลาดบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตช่วงไตรมาสแรกปี 2567 มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 117 โครงการ ทั้งหมด 2,545 ยูนิต  ขายแล้ว 1,220 ยูนิต และรอการขาย 1,382 ยูนิต ทั้งนี้ มากกว่า 98% เป็นประเภทบ้านเดี่ยว และโครงการที่อยู่ในช่วงราคาต่ำกว่า 30 ล้านบาท เป็นส่วนใหญ่คิดเป็น 39.89% ตามมาด้วยในช่วงราคา 30-50 ล้านบาทที่สัดส่วน 41.10% ซึ่งตลาดบ้านพักตากอากาศในช่วงไตรมาสแรกของปีพ.ศ. 2567 ได้ความสนใจจาก ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยจากกรุงเทพฯ​และคนไทยในพื้นที่ รวมถึงลูกค้าจากประเทศในยุโรปและเอเชีย เช่น เยอรมัน เดนมาร์ก จีน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ โดยสามารถปิดยอดการขายได้กว่า 80% ในระยะเวลาสั้นๆ หลังการเปิดขาย

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดว่า ตลาดอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวในอีก 3 ไตรมาสของปี จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่จากผู้พัฒนารายใหญ่ในหลายพื้นที่ เพื่อรองรับความต้องการของกำลังซื้อที่ยังคงให้ความนิยมคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศสำหรับเป็นบ้านหลังที่ 2 และเพื่อการลงทุน