จีนยืนหนึ่งโอนห้องชุดไทย ชลบุรีแชมป์แซงกทม.
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่ามี จำนวน 3,365 หน่วยมูลค่า 17,048 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด(คอนโดมิเนียม) ของคนต่างชาติได้กระจายตัวมากที่สุดในจังหวัดชลบุรี โดยมีสัดส่วน 41.7% ขณะที่กรุงเทพมหานครเป็นอันดับ 2 ที่มีสัดส่วน37.5%
ทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกันสูงถึง 79.2% ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า ชลบุรีเพิ่งมีการขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปี 2566 ซึ่งมีความแตกต่างจากช่วงปี 2561- 2565 ที่กรุงเทพมหานครเคยเป็นจังหวัดที่มีการกระจายตัวของยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติมาเป็นอันดับ 1 และมีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 48.8% ขณะที่ ชลบุรีอยู่ในอันดับที่ 2 มีสัดส่วนเฉลี่ย 30.8%สำหรับอันดับ 3 คือ ภูเก็ต 3 ที่มีสัดส่วน 6.4% โดยขยับขึ้นมาแทนสมุทรปราการที่เคยเป็นอันดับ 3 ในช่วงปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ผู้ซื้อสัญชาติจีนมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศมากที่สุดในช่วง 9 เดือนแรก โดยมีจำนวนทั้งหมด 4,991 หน่วย หรือ 46.6 %ของหน่วยทั้งหมด และอันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซีย จำนวน 962 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 9.0% ถัดเป็นอันดับ 3 คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 422 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.9% อันดับ 4 คือไต้หวัน จำนวน 378 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.5% และ อับดับ 5 คือ ฝรั่งเศส จำนวน 372 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ตามลำดับ ซึ่งสัญชาติอันดับ 1 และ 2 สอดคล้องกันระหว่างหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด
โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ของชาวจีน มีมูลค่าสูงสุด 24,740 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47.3 %ของมูลค่าทั้งหมด และอันดับสองยังคงเป็นผู้ซื้อสัญชาติรัสเซีย มีมูลค่า 3,436 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.6 %แต่อันดับที่ 3 กลับเป็นผู้ซื้อสัญชาติเมียนมา มูลค่า 2,250 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน4.3% อันดับที่ 4 คือ ผู้ซื้อสัญชาติสหรัฐอเมริกา มูลค่า 2,102 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.0 %และอันดับ 5 คือ สัญชาติไต้หวัน มูลค่า 1,841 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน3.5% ตามลำดับ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ให้ความเห็นว่า “ในไตรมาส 3 ปี 2566 นี้ ได้เห็นค่าเฉลี่ยของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 3,500 หน่วยต่อไตรมาส ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 3,300 หน่วยต่อไตรมาส
แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะที่ดีและเริ่มเป็นปกติแล้วและจากข้อมูลในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ได้แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ที่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยชาวต่างชาติต้องการซื้อห้องชุดยังคงเป็นจังหวัดหลักและจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญและกลุ่มผู้ซื้อสัญชาติจีน และรัสเซียนับเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่สำคัญในประเทศ
นอกจากนี้ผู้ซื้อสัญชาติสหรัฐอเมริกาประเทศแถบยุโรป และประเทศเพื่อนบ้าน ก็เป็นอีกกลุ่มที่นิยมซื้อห้องชุดในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ดังนั้น การที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “วีซาฟรีชั่วคราว” ให้กับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน นับเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยสร้างโอกาสในการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติทุกกลุ่มเพิ่มมากขึ้นได้