ผ่าสูตร “ASW” บิ๊กดีล เจาะ 3 ทำเลฮอต “ภูเก็ต” ดึงกำลังซื้อต่างชาติหมื่นล้าน

19 ก.ค. 2566 | 13:03 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2566 | 13:04 น.
526

“แอสเซทไวส์” เปิดกลยุทธ์ตลาดอสังหาฯภูเก็ต เจาะ3 ทำเลทอง ดันต่างชาติแห่ลงทุน-ซื้อที่อยู่อาศัยเพียบ ลุ้นเทกโอเวอร์เข้าพอร์ตในอนาคต

“แอสเซทไวส์” หรือ ASW บริษัทอสังหา ริมทรัพย์ ชั้นนำของไทยที่วางรากฐานความสำเร็จสร้างการเติบโตแบบOrganic จากการร่วมทุน (Joint Venture) บริษัท ข้ามชาติ อย่าง “ทาคาระ เลเบ็น” บริษัท อสังหา รายใหญ่จากญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นโครงการ “Atmoz บางนา” มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังการร่วมกับพันธมิตรพัฒนาแพลตฟอร์ม ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่

กลยุทธ์ที่สำคัญที่ ทำให้ “ASW” เติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นคือ การดีลซื้อกิจการ ต่อจากผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ช่วงสถานการณ์โควิด-19เช่นคอนโด Maxxi ย่านห้วยขวาง จากบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด ที่โครงการสามารถต่อยอดการรับรู้รายได้ทันที

บิ๊กดีล สู่การขยายฐานภูเก็ต

ล่าสุด สร้างเสียงฮือฮาในแวดวงอสังหาฯ เข้าซื้อหุ้นในบมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ TITLE บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 1 ใน 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ใน จังหวัดภูเก็ต ต่อยอดพัฒนา 9 โครงการมูลค่า14,000 ล้านบาท มีเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท ผ่านกำลังซื้อต่างชาติ โดยประเมินจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวจึงเป็นเหตุให้ ASW ขยายธุรกิจไปสู่ภูเก็ตโดยอาศัยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรที่มี

 

“ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 ว่าเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากปลายปีจะมีการจัดตั้งรัฐบาลที่แน่นอน รวมทั้งการผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ส่วนอัตราเงินเฟ้อเชื่อว่ายังคงที่จนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากนั้นอัตราเงินเฟ้อจะลดลงภายในปี 2567

ขณะเดียวกันภูเก็ตถือเป็นจังหวัดพิเศษ มีประชากรหลากหลายทั้งประชากรในท้องถิ่นและชาวต่างชาติ เช่นรัสเซีย จีน อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ พบว่าต่างชาติเข้ามาลงทุนในภูเก็ตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชาวรัสเซียและกลุ่มชาวยุโรปเข้ามาตั้งบริษัททั้งเอเย่นต์และดีเวลลอปเปอร์ ปัจจัยที่ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนส่วนใหญ่มาจากการซื้อขายให้กับเพื่อนร่วมชาติ ทั้งนี้หลังจากเกิดโควิด ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดแรกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเต็มตลอดทุกเทศกาล

ไตรมาสแรก ต่างชาติพุ่ง

 สะท้อนจากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในไตรมาส 1 ปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาภูเก็ต 12% สร้างรายได้กว่า 30% ดังนี้ เดือนมกราคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 583,067 คน มีรายได้ 26,130 ล้านบาท ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 687,998 คน มีรายได้ 27,934 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 749,154 คน มีรายได้ 29,186 ล้านบาท

“ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เนื่องจากมีหาดทรายท่องเที่ยวได้ทั้งเกาะ ด้านซ้ายของจังหวัด บริเวณด้านนอกติดทะเลอันดามัน ส่วนด้านในหาดทรายแม้จะไม่สวยมาก แต่เรือส่วนใหญ่จะจอดในบริเวณนี้ เพราะเป็นบริเวณไม่เกิดคลื่นสึนามิ”

นอกจากนี้ยังพบว่าชาวต่างชาติมักจะซื้อบ้านพักตากอากาศในรูปแบบพูลวิลล่าและคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยใกล้ทะเลและการพักผ่อน โดยร่วมกับ TITLE เจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มพรีเมียมที่มีราคาสูง ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติค่อนข้างมาก

ผ่าสูตร “ASW” บิ๊กดีล  เจาะ 3 ทำเลฮอต “ภูเก็ต” ดึงกำลังซื้อต่างชาติหมื่นล้าน

3ทำเลทองราคาที่ดินพุ่ง

 

ปัจจุบันที่ดินในภูเก็ตสร้างที่อยู่อาศัยได้อยู่ที่ 30-40 ล้านบาทต่อไร่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ช่วงโควิด พบว่าที่ดินหาดลายัน อยู่ที่ 20 ล้าบบาทต่อไร่ โดยช่วงต้นปี 2566 ที่ดินติดริมชายหาด อยู่ที่ 70 ล้านบาทต่อไร่ หากไม่ติดชายหาด อยู่ที่ 30-40 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนบริเวณป่าตอง, กมลา, กะตะ และกะรน ปัจจุบัน แทบไม่มีที่ดินเหลืออยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมหนาแน่น

 

ที่ดินภูเก็ตมีความพิเศษคือ ไม่ใช่ที่ดินทุกที่สามารถซื้อและดำเนินการได้ เนื่องจากมีเขตป่าและเขตทะเล ซึ่งมีข้อกำหนดว่าหากเป็นที่ดินติดชายหาดสร้างได้ไม่เกิน 4 ชั้น รวมทั้งยังมีเรื่องโฉนดที่ดินที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องด้วย ฯลฯ ด้วยความที่มีกฎระเบียบเหล่านี้ ทำให้มีที่ดินน้อย ดังนั้น ต้องหาความเชี่ยวชาญว่าที่ดินแปลงใดดำเนินการได้หรือไม่

 

ปักหมุด 9 โครงการกระหึ่ม

 

แผนพัฒนาโครงการจากนี้ TITLE มีโครงการพัฒนถึงปี 2569 9 โครงการ 14,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ ใน 3 ทำเล ได้แก่ หาดในยาง 5 โครงการ อาทิ TITLE HALO1 มูลค่า 1,500 ล้านบาท TITLE X มูลค่า 1,400 ล้านบาท ฯลฯ หาดบางเทา 3 โครงการ อาทิ TITLE MORI 1 มูลค่า 3,750 ล้านบาท ฯลฯ หาดราไวย์ 1 โครงการ ประกอบด้วย TITLE RAWAI 4 มูลค่า 900 ล้านบาท นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตยังอยู่ในระหว่างการขยายสนามบินฯเฟสที่ 2 คาดว่าโครงการฯเหล่านี้จะเป็นปัจจัยเสริมสร้างรายได้ 10,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายภายใน 3 ปี (2567 - 2569)

ลุยเทกโอเวอร์เข้าพอร์ต

กรมเชษฐ์ ทิ้งท้ายว่าในช่วงโควิด มีผู้ประกอบการหลายรายขายกิจการค่อนข้างมากบริษัทมีโอกาสเข้าซื้อกิจการหลายรายเช่น คอนโด Maxxi ย่านห้วยขวาง ฯลฯ ส่งผลให้งบการเงินของบริษัทเติบโตต่อเนื่องทั้ง 8 ไตรมาส และหากมีโอกาสบริษัทอยากเทคโอเวอร์ โครงการในภูเก็ตรายอื่นๆ แต่ต้องไม่เสี่ยง เกินตัว