ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม " ดิโอลด์สยาม"ในรอบ 3 ทศวรรษ

18 เม.ย. 2566 | 14:57 น.
อัปเดตล่าสุด :18 เม.ย. 2566 | 15:10 น.
1.3 k

กลุ่มสยามสินธร ลุยปรับโฉม " ดิโอลด์สยามพลาซ่า" ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ทุ่ม 400 ล้านบาท สู่ ศูนย์กลาง ธุรกิจ - ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้ง หวัง ดึงนักช้อปทั่วโลก เซอร์ไพร์ส พ่วงโครงการที่อยู่อาศัย ราคาเริ่ม 3.2 ล้านบาท

18 เมษายน 2566 - นับเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปี ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง สำหรับศูนย์การค้าดังเก่าแก่ " ดิโอลด์สยาม พลาซ่า" ซึ่งตั้งอยู่ ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ สุดยอดทำเลการค้า “พาหุรัด – ตรีเพชร – เจริญกรุง - บูรพา” โดยเป็นตึกสูงใหญ่ รูปลักษณ์สะดุดตา

พิกัดใกล้กับ ศาลาเฉลิมกรุง, ห้างไนติงเกล และตลาดพาหุรัด โดยแม้เวลาผ่านไป เกิดห้างใหม่ๆ ขึ้นมากมาย แต่ยังมีคนแวะเวียนไป ซื้อหาของกิน ของใช้ ย้อนระลึกความหลังในอดีตไม่ขาดสาย

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ

โดยปัจจุบัน ดิโอลด์สยามพลาซ่า ยังเปิดให้เช่าพื้นที่ เพื่อจำหน่ายเสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าทั่วไป รวมถึงอาวุธปืนที่บริเวณด้านนอกของตัวห้าง นอกจากนี้ ยังได้จัดบริเวณภายในห้าง เป็น ลานเฟื่องนคร ให้เป็นที่จำหน่ายอาหารไทยและขนมไทย หลากหลายประเภท รวมถึง ลานมิ่งเมือง สำหรับจำหน่ายเสื้อผ้า อีกทั้งชั้น 3 ของห้างยังเป็นศูนย์อาหาร ที่มีบริการคาราโอเกะ

ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้สูงอายุที่นิยมมารวมตัวเพื่อร้องเพลงในแนวย้อนยุค เพื่อย้อนรำลึกถึงยุคที่ย่านวังบูรพากำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่นในยุคสมัยนั้น รวมถึงยังมีร้านค้าอมร ซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของห้างด้วย

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ


 

ซึ่งเร็วๆนี้ ศูนย์การค้าแห่งนี้ กำลังจะถูกปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ไปสู่ ศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญ ที่อาจเป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ ดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพเช่นกัน

จากจุดเริ่มต้น "ดิโอลด์สยาม" สู่การรีโนเวท ปรับโฉมครั้งใหญ่

นายอภิชัย สิริดำรงพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอาคารพาณิชย์ บริษัท สยามสินธร จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ให้เป็นศูนย์กลางการค้าและชอปปิ้งของผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และคนต่างจังหวัด ที่เดินทางเข้ามาติดต่อธุรกิจกับร้านค้าพันธมิตร ซึ่งภาพความสำเร็จดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานร่วม 30 ปี นับตั้งแต่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2536 เป็นต้นมา และในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญกับแผนพัฒนา  “ปรับโฉม” ดิโอลด์ สยาม พลาซ่า ให้เป็นศูนย์กลาง “ธุรกิจ  -ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้ง - บ้านพักอาศัย” ให้เต็มไปด้วยสีสันและประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนในย่านนี้ และรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี

พลาซ่าแห่งแรก ย่านการค้าสำคัญของกรุงเทพ 

“ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” แหล่งธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ และเจริญมั่นคงมายาวนาน เป็นศูนย์รวมร้านทองส่ง แหล่งผลิตเครื่องประดับ เพชร ปืน ผ้าไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมผ้าไหมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ นำเข้าผ้าลูกไม้จากต่างประเทศ ศูนย์รวมอาหาร ขนมไทยที่ขึ้นชื่อ และบ้านพักอาศัยที่อยู่สบายใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกบนเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นพลาซ่าที่ใหญ่ที่สุดในทำเลนี้ บนที่ดิน 13.61 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นตลาดมิ่งเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านการค้าหลักของกรุงเทพฯ อย่างยาวนาน

“ด้วยความโดดเด่นของทำเลที่ตั้ง อยู่ติดกับถนนสายการค้าทั้ง 4 ด้าน คือ พาหุรัด ตรีเพชร เจริญกรุง บูรพา ทำให้มีผู้คนไหลเวียนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวชม สถานที่สำคัญใกล้เคียง อาทิ พระบรมมหาราชวังฯ วัดพระแก้ว ชมการแสดงโขนที่ศาลาเฉลิมกรุง แวะทานอาหารและขนมไทยที่ศูนย์การค้าฯ 

นอกจากความเป็นเอกลักษณ์ของย่านการค้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลายของสินค้าและบริการ เช่น ผ้าไหม ร้านเพชร และขนมไทยที่หาทานได้ยากจะรวมอยู่ที่นี่แล้ว ในด้านการเดินทางมีความสะดวกสบาย ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งทางศูนย์การค้าฯ มีบริการที่จอดรถมากกว่า 1,100 คัน หรือสะดวกสบายเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT สถานีสามยอด 

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ

ผ่าแผนพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม” แลนด์มาร์ค ที่มีทั้ง ไลฟ์สไตล์ชอปปิ้ง และ ที่อยู่อาศัย

สำหรับ แผนพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม” ถูกระบุว่า จะ เดินหน้าปรับพื้นที่ภายในและภายนอกทั้งหมด ทั้งในส่วนพลาซ่า และบ้านพักอาศัย โดยคงเอกลักษณ์ของอาคารในสไตล์โคโลเนียลที่มีความคลาสสิค บนพื้นที่ให้บริการ 98,500 ตารางเมตร 

ในส่วนของพลาซ่า พื้นที่รวม 17,945 ตารางเมตร เตรียมออกแบบและตกแต่งให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมปรับพื้นที่ร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B : Business to Business) และ ลูกค้ากลุ่มค้าปลีก (B2C : Business to Consumer) 

  • พื้นที่พลาซ่า ชั้น 1 ยังคงเป็นแหล่งรวม ร้านเพชร ร้านทองส่งชั้นนำ ผ้าลูกไม้นำเข้า ร้านเครื่องประดับ และขนมไทยโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
  • พื้นที่พลาซ่า ชั้น 2 เป็นศูนย์รวมผ้าไหม เครื่องประดับ ห้องเสื้อ ชุดราตรี ชุดแต่งงาน ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
  • พื้นที่พลาซ่า ชั้น 3 พบกับโฉมใหม่ ศูนย์รวมร้านอาหาร และ มาร์เก็ต ที่เตรียมยกระดับให้เป็น Food Experience แห่งใหม่ของย่านนี้ ที่จำหน่ายสินค้าและให้บริการที่จะอำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ

ส่วนของชั้น 4 เป็นพื้นที่บ้านพักอาศัย (Residence) ประกอบด้วย 128 ยูนิต ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 95 ตารางเมตร แบบ Duplex 2 ห้องนอน ห้องรับแขกขนาดใหญ่ 1 ห้องครัว  2 ห้องน้ำ พื้นที่รวมทั้งหมด 13,000 ตารางเมตร เตรียมปรับโฉมในคอนเซ็ปต์ที่ทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Lobby , Outdoor Living , Meeting Room , Fitness และ Sky Pavilion โดยมุ่งไปกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ใกล้เคียง และกลุ่มครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและการเดินทาง ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท 

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ


จุดเด่นของ "ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า" โฉมใหม่

“จุดเด่นของดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า คือ ร้านค้ามากกว่า 50% เป็นธุรกิจที่ขายให้กับธุรกิจ หรือ B2B โดยเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการจากรุ่นสู่รุ่น อาทิ ธุรกิจร้านเครื่องประดับ ร้านเพชร  หากต้องการเพชรคุณภาพระดับพรีเมี่ยม หรือ ร้านทองส่ง ให้นึกถึง ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า”  

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ

สำหรับแนวทางการพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า ” ในครั้งนี้นอกจากการปรับปรุงอาคารให้มีความทันสมัย สินค้าที่มีเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย รวมถึงบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกช่วงวัย ยังมาพร้อมแนวคิดของการต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เกิดขึ้น  โดยการปรับรูปแบบการให้เช่าพื้นที่ ที่ครอบคลุมความต้องการ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความคล่องตัว ทั้งแบบสัญญาเช่าระยะสั้น และสัญญาเช่าระยะยาว เพื่อให้เอื้อต่อการทำธุรกิจและการพักอาศัย

ทุ่ม 400 ล้าน ปรับโฉม \" ดิโอลด์สยาม\"ในรอบ 3 ทศวรรษ
นายอภิชัย กล่าวว่า จากประสบการณ์และความมุ่งมั่นของทีมงาน ที่พัฒนาโครงการ  “เวลา สินธร วิลเลจ หลังสวน” (Velaa Sindhorn Village Langsuan) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในการบริหารพื้นที่ ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเมือง 

ในการพัฒนา “ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า” ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทีมงานมีความมุ่งหวังที่จะเติมสีสันให้กับผู้คนในย่านนี้ และผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยวางแผนเพิ่มผู้เช่าในกลุ่มร้านค้าและบริการอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการ ในกลุ่ม B2C ให้มากยิ่งขึ้น เน้นการสร้าง One stop service อีกแห่งใจกลางเมือง พร้อมรับกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ มากยิ่งขึ้น