ฮาบิแทท กรุ๊ป ชี้ "อสังหาฯ เพื่อลงทุน"ยังโต

13 ส.ค. 2563 | 17:18 น.

“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ชี้ โควิด-19 หนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาเติบโต เผยยอดขายเดือนมิถุนายน 2563 พุ่ง 3 เท่า พร้อมคาดการณ์ยอดโอนรวมปี 63 กว่า 2,500 ล้านบาท

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป ผู้นำการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ ไลฟ์สไตล์
อินเวสเม้นท์ (Lifestyle Investment)
และภาพรวมการลงทุนของบริษัทในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2563 ว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เป็นไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ ในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ยังคงเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะพัทยายังคงเป็น Top Destination ของนักท่องเที่ยว สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน ทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ที่มองถึงผลตอบแทนในระยะยาว โดยข้อดีของการลงทุนในรูปแบบนี้ นอกจากนักลงทุนจะได้อัตราผลตอบแทนที่ดี ด้วยความคุ้มค่าของสินทรัพย์ที่มากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น และสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถเข้าพักได้ 14 วันต่อปีอีกด้วย

โดยภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี 2563 และในเดือนเมษายน เริ่มมีสัญญาณไม่ดีนัก ทำให้บริษัทฯต้องปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงของการล็อคดาวน์ประเทศที่ทุกคนต้องกักตัว ไม่ออกเดินทางไปไหน การตัดสินใจซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนในช่วงเวลานั้นจึงเริ่มมีการชะลอตัว บริษัทฯจึงได้ตัดสินใจออกโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ด้านการลงทุนและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ประกอบกับในช่วงดังกล่าวห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ไม่ผ่านมีอยู่ไม่ถึง 10% เท่านั้น  จึงทำให้ไตรมาส 2 บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นมาก จากไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ และ Vacation Home ที่ตอบโจทย์การการลงทุนและอยู่อาศัย ซึ่งสามารถสร้างยอดขายกว่า 515 ล้านบาท 

ฮาบิแทท กรุ๊ป ชี้ \"อสังหาฯ เพื่อลงทุน\"ยังโต

อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ต่อจากนี้เชื่อว่าเทรนด์การซื้อบ้านหลังที่สองในต่างจังหวัด ที่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกลมากจากรุงเทพฯ เช่น พัทยา หัวหิน เขาใหญ่ จะเริ่มขายดีขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากสัญญาณบวก ที่พบคือ ในช่วงที่มีวิกฤตบ้านหลังที่สองที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวติดทะเลจะทำยอดขายได้ดีมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าเทรนด์นี้จะไปต่อได้อีกยาวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะส่งผลให้ผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในระยะสั้นชะลอการตัดสินใจลงทุน แต่ลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวยังคงเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้านนี้ มากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น

“ช่วงระหว่างเดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม 2563 ที่รัฐบาลออกมาตรการสร้างระยะห่าง หรือ Social Distancing ทำให้ ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere) ซึ่งเป็นพูลวิลล่าที่มีคอนเซ็ปต์เน้นความเป็นส่วนตัว ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ตลาด ทำให้มีคนเข้ามาพักมากขึ้น และหลังสถานการณ์โควิด-19 มีอัตราเข้าพักเพิ่มมากขึ้น ถึง 80% จากแนวโน้มนี้ทำให้เชื่อว่าในเดือนกรกฎาคม 2563 ตลาดจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นว่าธุรกิจโรงแรมที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ความเป็นส่วนตัว สร้างความโดดเด่นได้ จะทำให้ได้รับการตอบรับได้อย่างมากเมื่อตลาดเริ่มฟื้นตัว”

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่การขายและโอนกรรมสิทธิ์ของฮาบิแทท กรุ๊ป นับว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะอยู่ในช่วงการสร้างการรับรู้รายได้ เช่น ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์ (X2 Pattaya Oceanphere) มีการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 100% อีกทั้งโครงการ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Bayphere Pattaya) โอนกรรมสิทธิ์แล้ว 100% ส่วนโครงการ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คลอเลคชั่น บลูเฟียร์ พัทยา (Best Western Premier Collection Bluphere Pattaya) ก็มียอดขายแล้ว 100%  โอนกรรมสิทธิ์แล้ว 70% ในส่วนโครงการรามาด้า บาย วินด์ดัม มิรา นอร์ท พัทยา (Ramada by Wyndham Mira North Pattaya) ปัจจุบันทำยอดขายกว่า 60% และล่าสุดอีไอเอผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4 ปีนี้

“ปีนี้เราสามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์ได้เยอะ โดยยอดรับรู้รายได้เฉพาะครึ่งปีแรกของปีนี้สามารถทำผลงานได้มากกว่าปีที่แล้วกว่า 2 เท่า จากปีที่แล้วทำรายได้ไว้ที่ 700 – 800 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้สามารถดันยอดโอนครึ่งปีแรกกว่า 1,200 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมียอดโอนครึ่งปีหลังอีกกว่า 1,300 ล้านบาท และจะทำให้บริษัทฯ มียอดโอนรวมในปี 2563 กว่า 2,500 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้วถึง 220%” นายชนินทร์ กล่าว