กรมปศุสัตว์ ประกาศสงครามปราบหมูเถื่อนให้สิ้น ไม่มีละเว้น

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานพร้อมมอบนโยบาย "มุ่งเน้นระบบการทำงานของด่านกักกันสัตว์ เพื่อการทำงานอย่างเป็นระเบียบและมีศักยภาพ" และรับฟังการนำเสนอภาพรวมการนำเข้าสัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ โดยกองสารวัตรและกักกัน ภาพรวมการนำเข้าอาหารสัตว์ โดยกองควบคุมอาหารและยาสัตว์ ตลอดจนขั้นตอนการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ ณ ห้องประชุมด่านกักกันสัตว์ลาดกระบัง และพื้นที่จุดเอกซเรย์ศุลกากร ลาดกระบัง

หน่วยงานหลักที่ปฏิบัติภารกิจคือ “กองสารวัตรและกักกัน” โดยมีหน้าที่กำกับดูแลด่านกักกันสัตว์ในการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 โดยด่านกักกันสัตว์ทั้ง 59 ด่านตั้งอยู่ทั่วทุกเขตของประเทศไทย ซึ่งด่านกักกันสัตว์มีหน้าที่ในการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ และป้องกันการลักลอบนำเข้าสัตว์ และซากสัตว์ จากทางชายแดน ท่าเรือ สนามบิน ซึ่งในการปฏิบัติงานในภารกิจดังกล่าวได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานทหาร รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงชายแดน โดยการทำงานเป็นการบูรณาการร่วมกันเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าทั้งสัตว์ และซากสัตว์ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดสัตว์จากต่างประเทศเข้ามาสู่ภายในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกรมปศุสัตว์ได้ประกาศสงครามหมูเถื่อนเนื่องจากหมูเถื่อนเป็นสาเหตุของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ซึ่งเป็นโรคระบาดสัตว์ที่มีความรุนแรงสูง ยังไม่มียารักษา และ ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรค ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรเป็นวงกว้าง อีกทั้งหมูเถื่อนอาจมีปัญหาปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงที่เป็นอันตราย สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรได้

ซึ่งที่ผ่านมา กองสารวัตรและกักกันได้ดำเนินงานอย่างเข้มงวด โดยบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมศุลกากร โดยจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายมีการจัดทีมตรวจค้นห้องเย็น หรือสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ รวมทั้ง เข้มงวดตรวจสอบการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านราชอาณาจักร โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสัตว์และซากสัตว์ เพื่อไม่ให้โรคระบาดสัตว์จากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยได้

นอกจากนี้ กองสารวัตรและกักกัน ยังได้สร้างความรับรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน ทั้งสัตว์และซากสัตว์ รวมถึงผู้ประกอบกิจการห้องเย็น ถึงแนวทางการขออนุญาตนำเข้า-ส่งออก และนำผ่าน สินค้าปศุสัตว์ สร้างความรับรู้ถึงแนวทางขั้นตอนการขอใบรับรองสถานกักกันสัตว์ และที่พักซากสัตว์เอกชน (ห้องเย็น) รวมถึง แนวทางการตรวจสอบสินค้าที่นำมาฝาก ชี้แจงการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษ เป็นต้น พร้อมทั้งเชิญชวนให้ผู้ประกอบการ มาเป็นครอบครัวปศุสัตว์ ที่เป็นกำลังและแนวร่วมที่สำคัญในการร่วมกันป้องกันการลักลอบนำเนื้อเถื่อน และสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ อีกด้านหนึ่งได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ และยินดีเข้าร่วมเป็นครอบครัวปศุสัตว์ พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายและร่วมป้องกันการลักลอบนำเข้าทั้งสัตว์ ซากสัตว์ สุกร เนื้อสุกรเถื่อน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการป้องกันโรคระบาดในสัตว์ เช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร โรคปากเท้าเปื่อยในโค กระบือ และสุกร

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันการลักลอบการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ (ซากสัตว์) จัดทำโครงการเข้าตรวจสอบสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบซากสัตว์ที่ถูกนำมาซุกซ่อนไว้ตามห้องเย็นต่างๆ และดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทำหนังสือขอความร่วมมือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมมือในการป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ดังนี้

1.กำหนดให้มีการทำเครื่องหมายประจำตัวสำหรับซากสัตว์ที่นำเข้า เพื่อใช้ตรวจสอบซากสัตว์ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย และสามารถตรวจสอบย้อนกลับสินค้าดังกล่าวได้ จึงทำให้แยกแยะกับซากสัตว์ที่ลักลอบนำเข้าได้ ง่ายต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

2.จัดตั้งชุดปฏิบัติงานสุนัขดมกลิ่นตรวจสอบการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ในพื้นที่สนามบินทุกแห่ง เพื่อตรวจสอบผู้โดยสารที่นำซากสัตว์เข้าราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมาย

3.จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายในความรับผิดชอบของกรมปศุสัตว์ โดยมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ (ซากสัตว์) จากต่างประเทศได้ทั่วราชอาณาจักร

4.มีทางแอพพลิเคชั่น DLD 4.0 เป็นช่องทางสำหรับการแจ้งข้อมูลข่าวสารและรับเรื่องร้องเรียน โดยผู้ที่มีข้อมูลการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ (ซากสัตว์) จากต่างประเทศโดยเฉพาะเนื้อสุกร สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสมายังกรมปศุสัตว์ทางแอพพลิเคชั่นดังกล่าว เพื่อดำเนินการต่อไป

จากผลการทำงานของกองสารวัตรและกักกัน ในการตรวจค้นจับกุมการลักลอบนำเข้าสัตว์ - ซากสัตว์ จากต่างประเทศถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สำคัญในการป้องกันโรคดังกล่าว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรและภาคธุรกิจการเลี้ยงสุกรของประเทศไทย และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ กองสารวัตรและกักกันได้ดำเนินการตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสัตว์ และซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งได้ทำการซักซ้อม ขั้นตอน และวิธีปฏิบัติงานสำหรับการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ จากต่างประเทศ และตรวจติดตามการปฏิบัติงานนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์อยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการแจ้งเบาะแส หรือต้องการความช่วยเหลือจากกรมปศุสัตว์ สามารถแจ้งกรมปศุสัตว์ได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 หรือ Application DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง