พล.อ.ประวิตรฯ ติดตามสถานการณ์น้ำเมืองหัวหินและเพชรบุรี

31 มี.ค. 2566 | 15:30 น.
อัปเดตล่าสุด :31 มี.ค. 2566 | 15:34 น.

พล.อ.ประวิตรฯ ติดตามสถานการณ์น้ำเมืองหัวหินและเพชรบุรี

วันนี้(31 มี.ค. 66) ณ สำนักงานพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางที่ 14  โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมงคลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)ลงพื้นที่ไปติดตามการดำเนินโครงการด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี  โดยมี ดร.ทวีศักดิ์  ธนเดโชพล  รองอธิบดีกรมชลประทาน นายนรเศรษฐ สองทอง ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14   นายธรรมนูญ อินทร์นุช ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 14   นายสัญญา สุริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 14  ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่และบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน 

 

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล  รองอธิบดีกรมชลประทาน  เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรีว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 224 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน  มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 65/66 ไปแล้วประมาณ 181 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 70 ของแผนฯ  ส่วนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 438 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 54  ของความจุอ่างฯรวมกัน  มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 65/66 ไปแล้วประมาณ 187 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของแผนฯ  

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด  พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 65/66 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์  ควบคู่ไปกับการเก็บกัก จึงทำให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่วางไว้  และเพียงพอใช้ในทุกกิจกรรมไปตลอดช่วงหน้าแล้งนี้  พร้อมกันนี้ยังได้ปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 65/66 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)  กำหนดอย่างเคร่งครัด  มีการจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ไว้คอยช่วยประชาชนได้อย่างทันท่วงที  นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชาสัมพันธ์รณรงค์ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ช่วยกันประหยัดน้ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ 

สำหรับโครงการบรรเทาอุทกภัยและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ กรมชลประทาน มีแผนดำเนินโครงการฯ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งสิ้น 5 โครงการ  ได้แก่  

1.โครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี(2567-2571)  ประกอบด้วยปรับปรุงคลองระบายน้ำหลาก D1 ความยาวรวม 38.542 กิโลเมตร ให้สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 350 ลบ.ม./วินาที  และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายเขื่อนแก่งกระจาน ในอัตรา 103 ลบ.ม./วินาที   หากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากลงสู่ทะเลได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ 5 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ต.ท่าไม้รวก ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง และ ต.ดอนขุนห้วย ต.นายาง ต.บางเก่า อ.ชะอำ  รวมทั้งเพิ่มพื้นที่การเกษตรในช่วงหน้าแล้งได้มากขึ้นอีกด้วย

2.โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชบุรี (2565-2568)  ประกอบด้วย ติดตั้งบานระบายแบบพับได้บนสันฝาย (OGEE)ของอาคารระบายน้ำล้นเดิม สูง 1 เมตร ความยาว 100 เมตร   พร้อมก่อสร้างสะพานรถยนต์ข้ามอาคารระบายน้ำล้น  สามารถเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 53.06 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี  ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก

3.โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสาลิกา จังหวัดเพชรบุรี (2567)  ความจุ 8.82 ล้าน ลบ.ม. เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภคให้ประชาชนกว่า 1,131 คน   รวมทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูฝนพื้นที่ 1,800 ไร่  และฤดูแล้งอีก 1,200 ไร่ 

4.โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (2566-2568)  ด้วยการปรับปรุงทางผันน้ำพร้อมอาคารประกอบ  อัตราการระบาย 31.5 ลบ.ม./วินาที    พร้อมก่อสร้างอาคารป้องกันตลิ่งแม่น้ำปราณบุรี จำนวน 2 แห่ง   และก่อสร้างอาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิมและอาคารประกอบ อัตราการระบาย 24.843 ลบ.ม. /วินาที  ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด  จะสามารถระบายน้ำจากเดิมในอัตรา 3 ลบ.ม./วินาที  เป็น 59.343 ลบ.ม./วินาที 

5.โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอบางสะพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (2560-2572)  ประกอบด้วย ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง   ปรับปรุงอ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ฝายทดน้ำ 1 แห่ง ขุดขยายคลองระบายน้ำ 4 สาย  ก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ 10 แห่ง  ขุดคลองผันน้ำ 3 สาย  ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดจะสามารถบรรเทาและป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่อำเภอบางสะพาน  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึงถนนเพชรเกษม  ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญเพียงเส้นทางเดียวที่จะเดินทางไปสู่ภาคใต้ได้อีกด้วย

ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งที่กำหนดอย่างเคร่งครัด   พร้อมให้กรมชลประทานบริหารจัดการแหล่งเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อการใช้น้ำในทุกพื้นที่  รวมทั้งเร่งดำเนินโครงการด้านทรัพยากรน้ำ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด  เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากโครงการได้เร็วที่สุด