•Bitget คาดหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกจะหันมาสนับสนุน Stablecoins แทนที่สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ตามนโยบายของสหรัฐฯ มองจะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโตในระยะยาวจากปัจจุบันStablecoins ถูกนำมาใช้ซื้อขายคริปโตกว่า 70%
•มองภาพ บิตคอยน์ยืนได้เหนือ 70,000 ดอลลาร์ ระยะ 1-2 ปีข้างหน้ายังมีโอกาสแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ ถ้าหากสหรัฐฯเริ่มซื้อ Bitcoin เข้ากองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์
•ปัจจัยระยะสั้นจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในคืนวันพุธนี้ คาดมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ย 4.25%-4.50 % อาจส่งผลกระทบระยะสั้นต่อราคาคริปโตให้คงที่หรือลดลง
นางสาวเกรซี่ เฉิน (Gracy Chen) กรรมการผู้จัดการของ บิตเก็ต (Bitget) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีและบริษัท Web3 ชั้นนำของโลก เปิดเผยว่าการที่คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯเดินหน้าส่งเสริมการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลหรือเหรียญคริปโทฯ ที่มีความมั่นคงสูง (Stablecoins)
ขณะเดียวกันปฏิเสธการใช้ สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ (CBDC) สะท้อนถึงความพยายามเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมนวัตกรรมของภาคเอกชนพร้อมเร่งผลักดันอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐในเวทีโลก
โดยกฎระเบียบที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความเสี่ยง เช่น ความโปร่งใสของผู้ออกเหรียญและข้อกำหนดด้านทุนสำรอง อาจช่วยให้ Stablecoins ได้รับการยอมรับมากขึ้น ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากสถาบัน และกระตุ้นการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม การควบคุมที่เข้มงวดเกินไปอาจทำให้ นวัตกรรมไหลออกนอกประเทศ ดังที่เคยเกิดขึ้นในดูไบ สหราชอาณาจักร และยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับการบูรณาการ Stablecoins ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่อย่าง อีลอน มันสก์ ก็กำลังพิจารณาแนวทางของตัวเองในด้าน Stablecoin อีกทั้งทีมของโดนัลด์ ทรัมป์ก็มองว่า Stablecoin อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องสถานะเงินดอลลาร์ในฐานะ ทุนสำรองของโลก
“แนวทางนี้ของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อทิศทางของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก ทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญกับ Stablecoins มากกว่า CBDC และผลักดัน การเชื่อมต่อระหว่างระบบการเงิน(interoperability)
ในปัจจุบัน Stablecoins เป็นพื้นฐานของ 70% ของคู่เทรดคริปโต และมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงธุรกรรมข้ามพรมแดน การตัดสินใจของสหรัฐฯ จะกำหนดทิศทางของกฎระเบียบว่า Stablecoins จะสามารถเสริมสร้างระบบการเงินโลก หรือยังคงเป็นทางเลือกจาก CBDC ของรัฐ” นางสาวเกรซี่ เฉิน กล่าว
ขณะที่ราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง มองว่าเป็นผลมาจากการที่สหรัฐฯยังไม่มีการเข้าซื้อ Bitcoin เข้ามาในกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ แต่ถ้าเริ่มซื้อเมื่อไรจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสถาบันและสร้างแรงสนับสนุนระยะยาวให้กับราคา
“มองว่าราคา Bitcoin น่าจะยืนเหนือระดับ 70,000 ดอลลาร์ ได้ โดยสามารถเข้าซื้อสะสมได้ที่แนวราคา 73,000-78,000 ดอลลาร์ ยังมองว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้า Bitcoin ยังมีโอกาสที่จะแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ ได้” นางสาวเกรซี่ เฉิน
นายไรอัน ลี (Ryan Lee) หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ Bitget Research กล่าวว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคม 2025 มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25%-4.50 % พร้อมส่งสัญญาณเป็นกลางถึงระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม อาจมีแนวโน้ม สายเหยี่ยว(Hawkish) หากมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาคริปโททรงตัวหรือลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นกดดันสินทรัพย์เสี่ยง