นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำทีมฝ่ายค้านยื่นรายชื่อ สส. จำนวน166 คน จาก 4 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 คน พรรคพลังประชารัฐ 19 คน พรรคไทยสร้างไทย 3 คน และพรรคเป็นธรรม 1 คน ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 151 ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงผู้เดียว แต่จะครอบคลุมทุกมิติหลายกระทรวงหลายพรรคร่วมรัฐบาล
ฉะนายกฯขาดภาวะผู้นำ
“เราเชื่อว่าปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดินเกิดขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้ ขาดวุฒิภาวะขาดความรู้ความสามารถ มีการแต่งตั้งบุคคลที่เขาขอมา มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอำนาจเหนือตนเอง
รวมถึงยินยอมให้ผู้เป็นบิดาสามารถชักนำ จูงใจ มีส่วนให้บริหารราชการแผ่นดินได้ เราเชื่อว่าทุกปัญหาเกิดจากนายกรัฐมนตรี เราเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รัฐมนตรีเพียงผู้เดียว และต้องตอบชี้แจงด้วยตนเองเท่านั้น”
ยอมให้“ทักษิณ”ชี้นำชักใย
ทั้งนี้ในญัตติที่ฝ่ายค้านยื่น ยังระบุว่า นอกจากนางสาวแพทองธารไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์เอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม โกหกหลอกลวงไม่ดำเนินการตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน เป็นนั่งร้านช่วยเหลือต่างตอบแทนกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย บริหารบ้านเมืองผิดพลาด
ล้มเหลวอย่างร้ายแรงในด้านการเมือง การปฏิรูปกองทัพ ความมั่นคง เศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม ทำลายนิติรัฐ ทำลายระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
นอกจากนี้ ยังสมัครใจยินยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาชี้นำชักใยให้กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ
หวังสร้างแรงกระเพื่อมรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งใจอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวตั้งแต่แรกหรือแก้เกมข้อสอบรั่ว นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตั้งใจอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียวตั้งแต่แรก ส่วนกระแสข่าวที่มีข้อสอบรั่ว ก็เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าไม่กล้าอภิปรายพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเขาส่งข้อมูลให้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการวิเคราะห์ทางการเมือง ไม่ว่าเราจะดำเนินการอย่างไร ก็จะมีการวิเคราะห์อีกด้านเสมอ ขอให้ติดตามเนื้อหาในการอภิปราย เพียงแต่ว่าการลงมติ เราลงแค่นายกฯ เพียงคนเดียว
ส่วนการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียว จะเป็นสิ่งที่อยากให้ประชาชนได้เห็นปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากที่นายกฯไม่สามารถคุมเสียงรัฐบาลและเกิดจากการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และการลงมติแม้จะขาดไปเพียง 1 คะแนน ก็จะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนว่าอาจคุมเสียงรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ และสร้างแรงกระเพื่อมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล
เชื่อโยง“ทักษิณ”ไม่ขัดข้อบังคับ
เมื่อถามถึงการเอ่ยชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี จะผิดข้อบังคับหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในตัวญัตติมีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน เรื่องนี้อยู่ที่ประธานสภาฯเอง เมื่อพิจารณาญัตติแล้ว ตนเชื่อว่าไม่ได้ขัดข้อบังคับแต่อย่างใด ถ้าบรรจุญัตติได้ตามนี้ แปลว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถพูดถึงนายทักษิณได้ เพราะเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในปัจจุบัน
เมื่อถามว่าจะต้องถึงขั้นยื่นถอดถอนนายกฯ หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า โดยกระบวนการปกติของสภาฯ จะลงมติไม่ไว้วางใจก่อน แต่แน่นอนว่าทุกครั้งสามารถดำเนินการอื่นๆ ได้ เช่น กรณีที่อดีตพรรคก้าวไกลยื่นถอดถอนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรมว.คมนาคม
เมื่อถามว่าหวังผลถึงขนาดยุบสภาฯ เลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งตนไม่สามารถตอบแทนรัฐบาลได้ แต่เชื่อว่าเนื้อหาที่เราเตรียมมา เข้มข้นและพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายกฯเอง ส่วนมีข้อมูลชี้ชัดถึงการทุจริตคอรร์รัปชันเลยหรือไม่ ตนมีหลักฐานที่ชี้ชัดให้เห็นถึงการขาดคุณสมบัติของนายกฯ
นายกฯเชื่อพรรคร่วมไม่ลอยแพ
ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพียงคนเดียว ว่า เป็นสิทธิของทางฝ่ายค้านอยู่แล้ว และก็พูดคุยกันอยู่แล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้ แต่วันที่ไปทานข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีรายชื่อออกมาก่อนเป็น 10 ท่าน ก็รับทราบตามนั้น
เมื่อถามต่อว่าได้อ่านหัวข้อที่ยื่นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ ถามย้อนกลับว่า “หัวข้อยื่นว่าอะไรบ้าง ทวนสิ”
ผู้สื่อข่าวตอบว่าญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นระบุว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ นายกฯ จึงกล่าวว่า ตอบได้ทุกข้อ และถ้าอันไหนเกี่ยวกับกระทรวงไหนมีรายละเอียดลงมา ก็คงให้รัฐมนตรีกระทรวงนั้นช่วยกันตอบ แต่ถ้าเป็นภาพรวมก็พร้อมตอบอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่ามีการโยงไปถึงเรื่องการเป็นนั่งร้านให้นายทักษิณ บิดา นายกฯกล่าวว่า ก็เตรียมตอบ สิ่งที่ถามมาก็เตรียมตอบเท่านั้นเอง
เมื่อถามย้ำว่าข้อกล่าวหาที่จะพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ กังวลอะไรบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เลยค่ะ ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย พร้อมตอบอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่าคิดว่าญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นแรงไปหรือไม่ที่ระบุว่าขาดภาวะผู้นำ ทำลายภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นของประเทศ ทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่น นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องดูข้อมูลจริงประกอบด้วย ว่าต่างชาติไม่เชื่อมั่นหรืออย่างไร ตนเข้าใจเพราะพรรคของตนก็เคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับท่านมา 8-9 ปี ก็เข้าใจอยู่แล้ว ไม่ได้ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นก็ตอบไป อยากรู้อะไรมาก็ตอบไป
เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าสามารถตอบได้ทุกข้อกล่าวหา นายกฯ กล่าวว่า ตอบได้อยู่แล้ว แต่จะชอบคำตอบหรือเปล่าไม่ทราบ
เมื่อถามอีกว่าจะต้องมีการตั้งองครักษ์ขึ้นมาช่วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีค่ะ ตั้งแน่ ทุกคนต้องช่วยกัน คนเดียวอาจจะคอแห้งนิดนึง (หัวเราะ)
เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่น่าจะปล่อยลอยแพใช่หรือไม่ เพราะมีแค่เพียงชื่อเดียวที่ถูกอภิปราย นายกฯ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลไม่ปล่อยลอยแพ ได้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนแล้วว่า มือใหม่ยังไม่เคยโดนอภิปรายมาก่อน ซึ่งทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุน อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจ
“แน่นอนว่าพรรคร่วมรัฐบาลเราได้พูดคุยน้อยกว่าพรรคตัวเองอยู่แล้ว แต่พอมีโอกาสได้คุย ได้รับการสนับสนุน ความอบอุ่น ความน่ารักจากหัวหน้าพรรคทุกท่านก็ถือเป็นกำลังใจมาก”
“วันนอร์”ขอตรวจสอบญัตติ 7 วัน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะนำญัตติตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะแจ้งผู้นำฝ่ายค้านภายใน 7 วัน หากมีประเด็นใดต้องแก้ไขก็จะแจ้งให้แก้ไขไปตาม ระเบียบข้อบังคับ
ส่วนหลังจากนั้นทางประธานสภาผู้แทนราษฎร จะส่งญัตติที่ตรวจสอบไปแล้วให้รัฐบาล และโดยปกติรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดว่าพร้อมเมื่อใด ซึ่งนางมนพร เจริญศรี แจ้งเราว่ารัฐบาลพร้อมให้อภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ส่วนจะใช้ ระยะ เวลาอย่างไรทั้งสองฝ่าย วิปฝ่ายค้าน และรัฐบาลจะต้องตกลงกัน ซึ่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะเป็นประธานการหารือ
ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การอธิบายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 จะเป็นไปด้วยดี เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน ทุกฝ่ายทั้งประชาชนและประเทศชาติได้ประโยชน์จากการอภิปรายครั้งนี้
พปชร.จองซักฟอก 4 ปม
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในส่วนของ พปชร. เบื้องต้นได้รับการจัดสรรเวลาในการอภิปรายมา 2 ชั่วโมง
โดยมี 4 เรื่องหลักที่จะอภิปราย ได้แก่ เรื่องที่ดินอัลไพน์ , เรื่องการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในประเด็นกาสิโน และ เรื่องเอ็มโอยู 2544 ไทย-กัมพูชา
ส่วน สส.ที่จะอภิปรายนั้น พรรค พปชร.จะประชุมพรรคเพื่อมอบหมายว่าใครจะอภิปรายเรื่องใดบ้าง ในวันอังคารที่ 4 มี.ค.นี้
วาง 24-28 มี.ค.ซักฟอกรัฐบาล
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะวิปคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า จากการหารือระหว่างวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล ได้กำหนดกรอบเวลาคร่าวๆ ว่า การอภิปรายจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 28 มี.ค.
โดยหลังจากนี้จะประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาและกำหนดวันที่แน่นอนว่า ต้องใช้เวลาเท่าใด ส่วนที่ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 5 วัน นางมนพร กล่าวว่า ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องหารือกัน