ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทยและนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีนัดพบปะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เวลา 18.00 น. วันนี้(24 ก.พ.2568)
การพบกันของบุคคลทั้ง 3 สืบเนื่องจากความขัดแย้งกันในพรรคร่วมรัฐบาล นายทักษิณ ต้องการเคลียร์ใจในทุกเรื่องกับพรรคภูมิใจไทย ก่อนการเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งคาดว่าพรรคประชาชนจะยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงสิ้นเดือนก.พ.68 คาดว่าจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้างใจต้นเดือนมี.ค.68 เพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้ไปจนถึงปี2570 ซึ่งครบวาระอายุรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ก่อนนี้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่าง 2 พรรคหลายเรื่อง ตั้งแต่ประเด็นกัญชาที่เพื่อไทยต้องการนำกลับเข้าส่ยาเสพติด แต่ภูมิใจไทยต้นฉบับกัญชาเสรีออกโรงขวาง การลาประชุมครม. ของรัฐมนตรีฝั่งภูมิใจไทย ระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่มเสนอโดยกระทรวงการคลัง
ปัญหาที่ดินเขากระโดง เกิดสงครามตัวแทน ระหว่างกรมที่ดินโดยรมว.มหาดไทยไม่ยอมถอนเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินขยายวงไปที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ์“ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เซ็นคำสั่งขอให้มหาดไทยพิจารณาเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ 3 ก.ย.2567 ซึ่งมีตระกูลชินวัตรผู้เสียหายรวมอยู่ด้วย
โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐมนตรี-สส.ภูมิใจไทย นำโดยนายไชยชนก ชิดชอบ แถลงต่อต้าน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า “ครูใหญ่”ต้องการต่อรองขอโควตาสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์โดยใช้ทำเล“เมืองหลวงสีน้ำเงิน” เป็นที่ตั้ง แต่ผลสำรวจของนักลงทุนสนใจเฉพาะในกรุงเทพฯ เป็นหลัก
ศึกเลือกตั้งนายกอบจ.สมรภูมิเดือดระหว่างนายใหญ่กับครูใหญ่ ชิงความเป็นจ้าวสนามการเมืองท้องถิ่นแต่ผลการเลือกตั้งทำให้ฝ่ายแรกเสียหน้าไปพอควร โดยเฉพาะที่ศรีสะเกษที่เพื่อไทยพ่ายการเลือกตั้ง ภูมิใจไทยถึงขนาดเย้ยกันด้วยการคลุมปี๊บ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โยนยื้อกันมา ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลของเพื่อไทยและภูมิใจไทยท้ายในที่สุด สมช.ได้มีมติให้ดำเนินการ กฟภ.จึงต้องดำเนินการ
สว.สีน้ำเงินขวางการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ หลังชั้นสส.ผ่านให้แก้ไขมาใช้เกณฑ์ประชามติชั้นเดียว (ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์) แต่ในชั้นสว.ยืนยันใช้เกณฑ์สองชั้น (ต้องได้มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์) โดยส่งผลให้การแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ถูกยื้อไปอีก6เดือน
แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 (เปิดทางให้มี สสร.) “สส.-สว.”สีน้ำเงินวอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรม อ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้แก้ไขรายมาตรา ทำให้มีจำนวนสมาชิกรัฐสภาไม่ครบองค์ประชุม การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจต้องถูกล้มไปอีกครั้ง
ปิดท้ายความขัดแย้งระหว่าง2พรรคใหญ่ ที่ต้องเปิดการเจรจาเพื่อปิดดีล กรณีสว.สายสีน้ำเงินคัดค้านการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตั้งข้อหาว่าเลือกสว.มีฮั้วโดยขบวนการอาชญากรรมและเสนอให้รับเป็นคดีพิเศษเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ โดยตั้งข้อสังเกตว่ามีแรงกดดันจากฝ่ายบริหารให้คณะกรรมการคดีพิเศษรับคดีนี้
ก่อนหน้านี้ นิด้าโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน มุมมองความขัดแย้งระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาร้อยละ 38.85 ระบุว่า มีความขัดแย้งกัน แต่ไม่ค่อยจริงจังเท่าไร และบทสรุปของความขัดแย้งระหว่าง2พรรคร้อยละ 38.09 ระบุว่าท้ายสุดจะตกลงกันได้