วิบากกรรม 7 อรหันต์ กกต. ลุยไฟปล่อยผี 200 สว.

10 ก.ค. 2567 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ค. 2567 | 16:25 น.
2.6 k

วิบากกรรม 7 อรหันต์ กกต. ลุยไฟปล่อยผี 200 สว. : รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4008 โดย...ทีมข่าวการเมือง

KEY

POINTS

 

  • 7 กรรมการ กกต. อยู่ในช่วงลำบากใจกับการประกาศรับรอง สว. 200 คน และสำรองอีก 100 คน ท่ามกลางกระแสคัดค้านปัญหาคุณสมบัติ  และมีการ “ฮั้ว” เกิดขึ้น
  • คำร้องคัดค้าน สว.ชุดใหม่ ที่ร้องเรียนไปยังกกต. มีมากกว่า 600 เรื่อง และบรรดาผู้สมัครก็ได้ยื่นร้องไปยังทั้ง อัยการสูงสุดให้ส่งศาลรธน. ร้องศาลปกครอง ให้สั่ง “เป็นโมฆะ”
  • หาก กกต.เดินหน้ารับรองผล สว. ก็อาจถูกฟ้องร้องเป็นคดีอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ได้
     

ภายหลังการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 จนได้ สว. 200 คน และสำรองอีก 100 คน ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องประเด็นต่าง ๆ ก่อนที่จะประกาศรับรอง ส.ว. ไปแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ท่ามกลางคดีร้องเรียนที่พุ่งไปยังทั้ง อัยการสูงสุด ศาลปกครอง  และอาจไปถึง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา

ลึกลับ“กกต.”ถกปม ส.ว.

สำหรับกระบวนการพิจารณาของ กกต. ก่อนที่จะประกาศรับรอง สว.นั้น มีรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ค.2567 นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ได้หอบแฟ้มคดีทีมีผู้ร้องเรีนนเรื่องการเลือกตั้ง สว.ไม่สุจริต-ขัดเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ จำนวน 250 คดี รายงานต่อที่ประชุมใหญ่ กกต. 7 คน

โดยบันทึกภายในฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง เสนอให้ กกต. ยกคดี “ปล่อยผี” ทั้งหมด รับรองไปก่อนแล้วตามสอยภายหลัง เพื่อจะได้รับรอง สว. 200 คน และ สำรอง 100 คน ให้ทำหน้าที่ในสภา
โดยกกต. 7 คน ถกเถียงกันอย่างหนัก มี กกต. 1 คน เสนอให้ยกคดีหลุดแบบยกยวงตามที่ฝ่ายเลขาฯ เสนอ 

และ มี กกต. 1 คน ไม่ยอม ซัดทุกเม็ด ยืนยันในหลักการ เมื่อมีข้อร้องเรียน ฝ่ายเลขาฯ ต้องสอบสวนทุกกรณี หากไม่มีการตั้งเรื่องสอบสวนแล้วปล่อยคดีไปตามข้อเสนอ ยืนกรานว่าจะไม่ยอมรับมติ แม้จะทอดยาวออกไปเชื่อว่าสังคมรับได้

สุดท้ายต้องตัดสินด้วยการโหวต ปรากฏว่า “มติเสียงส่วนใหญ่” ให้ไปตั้งเรื่องสอบทุกคดี แล้วเสนอให้ กกต.ใหญ่พิจารณา

กกต.เสียงแตก

ต่อมาวันที่ 8 ก.ค. 2567 กกต.ทั้ง 7 คน ได้ประชุมกัน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม มีรายงานว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีการพิจารณารับรองรายงานผลการเลือก สว. แม้เรื่องดังกล่าว จะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม  

โดยมีรายงานว่า กกต.แต่ละคน ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันถึงการรับรองผลการเลือก สว. จึงมีเพียงการพูดคุยถึงงานที่ต้องดำเนินการให้ชัดเจนก่อน

ส่องัดมติศาลรธน.รับรองสว.

ถัดมาวันที่ 9 ก.ค. 2567 กกต.ได้ประชุมกัน และมีรายงานว่าพิจารณายังไม่จบ ต้องประชุมกันต่อในวันถัดไป 

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมของ กกต. ได้มีรายงานข่าวถึงทิศทาง ของ กกต. คือ จะมีการรับรองไปทั้ง 200 คน เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้ เมื่อเดือน  เม.ย. 2543 เรื่องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 กรณีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา 

โดยตอนนั้น กกต.จัดเลือกตั้ง สว. 200 คน เมื่อ 4 มี.ค. 2543  แต่รับรองผลเพียง 122 คน ทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ และมีความเห็นแย้งกัน 2 ฝ่าย ระหว่าง สว.ที่ครบวาระ แต่ต้องรักษาการจนกว่าจะได้ สว.ใหม่ครบ กับอีกฝ่ายคือ สว.ใหม่ ที่เห็นว่า จำนวน สว.เท่าที่มีก็สามารถทำงานได้ 

ประธานสภาจึงส่งศาลวินิจฉัย ว่า ฝ่ายไหน ควรเป็นผู้ทำหน้าที่  แล้วหากเป็น สว.ใหม่ ที่ยังไม่ครบจำนวนจะสามารถประชุมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ 

ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่า 1.สว.ที่ได้รับเลือกยังไม่ครบ 200 คน ไม่อาจดำเนินการให้มีการประชุมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ สว.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ได้    

และ 2.ในระหว่างที่  สว.ที่ได้รับเลือกยังไม่ครบ 200 คนนั้น สว.ที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2543 ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ได้

                            วิบากกรรม 7 อรหันต์ กกต. ลุยไฟปล่อยผี 200 สว.

เปิดโฉม 7 อรหันต์ กกต.

สำหรับ กกต.ชุดปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 7 คน ประกอบด้วย 

1.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน (อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์)

2.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ (อดีตศาสตราจารย์ระดับ 10 ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี)

3.นายปกรณ์ มหรรณพ (อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา)

4.นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ (อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์)

5.นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ (อดีตทนายความ) 

6.นายชาย นครชัย (อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม)

7.นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ (อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา)

2 แนวทางกกต.ปม สว.

ก่อนหน้านั้น เมื่อ 27 มิ.ย. 2567 กกต.แถลงเกี่ยวกับการเลือก สว. มีเรื่องร้องเรียน 614 เรื่อง เป็นคำร้องเรื่องคุณสมบัติให้ลบชื่อ 65% , คำร้องการเลือกไม่สุจริต 14% (การให้ทรัพย์สินตาม มาตรา 77), คำร้องจ้างลงสมัคร, คำร้องเรียกรับเงินแทนให้ลงคะแนน และ คำร้องมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วยเหลือ 3%

คดีที่มีผู้ร้องในเรื่องการเลือกตั้ง สว. ไม่สุจริต-ขัดเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ จำนวน 250 คดี

สำหรับการตัดสินใจของ กกต. ในเรื่องการับรอง สว.นั้น มี 2 แนวทาง คือ

1.ประกาศรับรองสว.ชุดใหม่

2.ไม่ประกาศรับรอง สว. จนกว่าผลสอบในคดีที่ร้องเรียนจะได้ข้อสรุป ซึ่งจะตกราวสิ้นเดือน ก.ค. หรือ สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม2567

บทเรียนคดีกกต.ปี 49

ในอดีตที่ผ่านมา กกต. เคยมีคดีจากการปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้น จนส่งผลให้ กรรมการ กกต. ต้องถูกศาลตัดสินมาแล้ว 

โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2549 ศาลอาญาได้ตัดสินตามคำฟ้องของโจทย์คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของ กกต. เนื่องจากเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคไทยรักไทย ตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มีโทษตามมาตรา 42 พ.ร.ป.ฉบับเดียวกัน 

ศาลมีคำตัดสินว่า ให้คณะกรรมการ กกต. 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง กกต. เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ 
ต่อมาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง

ร้องอสส.-ศาลรธน.ล้มสว.

สำหรับคำร้องที่ร้องเรียนไปยังศาลให้ตรวจสอบการทำผิดกฎหมายจากการเลือก สว. 2567 ที่เกิดขึ้นนั้น ประกอบด้วย

เมื่อ 27 มิ.ย. 2567 นายสนธิญา สวัสดี ผู้สมัคร สว. แต่สอบตกรอบจังหวัด ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด(อสส.) ขอให้พิจารณาตรวจสอบ และส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยการเลือก สว. 2567 ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 วรรคสอง หรือไม่ 

กรณีที่กำหนดห้ามผู้สมัครในแต่ละกลุ่มเลือกผู้สมัครในกลุ่มเดียวกัน แต่ กกต.ดำเนินการโดยให้ผู้สมัครในกลุ่มเดียวกัน ลงคะแนนให้กลุ่มเดียวกัน ในทุกรอบทั้งระดับอำเภอ จังหวัด และ ระดับประเทศ 

นายสนธิญา กล่าวว่า การกระทำของ กกต.ที่อาศัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 ขัดกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 107 (2) ทั้งนี้หากอัยการสูงสุดไม่ตอบใน 30 วัน ก็จะยื่นร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ

คดีร้องศาลปกครองล้ม สว.

เมื่อวันที่  1 ก.ค. 2567 นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ อดีตผู้สมัคร สว.กลุ่มที่ 20 (กลุ่มอื่น ๆ) ยื่นฟ้อง กกต. ต่อศาลปกครองสูงสุด โทษฐานปล่อยปละละเลยการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

จึงขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อพิจาณาสั่งระงับการประกาศรับรองผลการเลือก สว. เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น สว. 200 คน และผู้อยู่ในบัญชีสำรองอีก 100 คน ว่ามีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 

ถัดมาวันที่ 8 ก.ค. 2567 ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายจักรพงษ์ คงปัญญา อดีตผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 อุตสาหกรรม ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้ กกต. รับรอง สว. ทั้ง 200 คน และสำรอง  100 คน เนื่องจากมีกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“การประกาศรับรองไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะเป็นโฆฆะอยู่ดี”นายจักรพงษ์ ระบุ

เล็งฟ้องกกต.คดี ม.157 

ขณะที่วันที่ 8 ก.ค. 2567 นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น ได้ ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ขยายผล และเอาผิด ส.ส.รายหนึ่งนัดทานข้าวกับผู้สมัคร สว. ที่ จ.ขอนแก่น อาจเข้าข่ายฮั้วการเลือก สว.  

นายภัทรพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในอีก 2-3 วันข้างหน้าจะยื่นหลักฐานเพื่อสอย สว. ในกลุ่มสื่อสารมวลชน 3-4 คน หลังจากที่มีการประกาศรับรองแล้ว และยังเตือนกกต.ที่หากประกาศรับรอง สว. 200 คน ก็ขอจองกฐินดำเนินคดีกับ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ตามมาตรา 157

...การจะตัดสินใจรับรอง หรือ ไม่รับร้อง สว.ครั้งนี้ สร้างความลำบากใจให้กับ กกต. ค่อนข้างมาก  

เพราะหาก “รับรอง” ไปแล้ว ภายหลังศาลมาตัดสินให้เป็น “โมฆะ” ก็อาจนำมาซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ กกต.ทั้ง 7 คนได้

บทเรียนที่ กกต.เคยถูกดำเนินคดี ก็มีให้เห็นมาแล้ว... 

                              ++++++

หนุนรับรอง“สว.”ก่อนสอยทีหลัง 

วันที่ 6 ก.ค. 2567 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดราชดำเนินเสวนา หัวข้อ “ส่อง สว.ใหม่ ความหวังหรือวิกฤตครั้งใหม่”  

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล จากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การไม่ประกาศผล สว.ชุดใหม่ คือ การที่ สว.ชุดปัจจุบันยังมีอำนาจต่อไป กกต.ควรประกาศรับรอง สว. 200 คน หรือไม่ครบก่อนก็ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ แต่ถ้ามีการสืบสวนจะทำให้การประกาศลากยาวไปหรือไม่ 

ดังนั้น เสนอว่า กกต.ควรสื่อสารกับประชาชนว่า จะขอเวลาหากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก และหากใครมีหลักฐานก็จะไปสอย จึงเชื่อว่าประชาชนก็จะรับได้ สิ่งสำคัญ กกต.ต้องแจ้งว่าจะใช้กรอบเวลากี่วันถึงจะประกาศออกมา แต่ไม่ควรนานกว่า ส.ส. คือ 60 วัน 

“แม้จะมีข้อครหา แต่ กกต.ควรจะเร่งประกาศรับรองผล เพราะหากต้องรอให้บริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคนอาจต้องรอข้ามปี จะยิ่งเป็นการลากยาวให้กับ สว.ชุดปัจจุบัน” 

รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ว่าที่ สว. กล่าวว่า เห็นด้วยที่ กกต.จะประกาศไปก่อนและสอยภายหลัง แต่หากรับรองช้าอาจจะไปร้อง กกต.บ้างได้หรือไม่ 

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวว่า เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองแน่นอน และประกาศจนครบ แล้วไปดูหลักฐานเพื่อสอยภายหลัง