ประชุมใหญ่เพื่อไทย “ทักษิณ”ยก“เศรษฐา”นายกฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 

05 เม.ย. 2567 | 14:27 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2567 | 16:09 น.

ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย คึกคัก เปิดเทป“ทักษิณ”แนะนำ ส.ส.ต้องเข้าถึงประชาชนทั้งใจ-กาย ชี้“เศรษฐา”เป็นนายกฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 


วันนี้( 5 เม.ย.67) ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย และบรรดารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการจัดประชุมใหญ่ครั้งนี้ช่วงหนึ่งได้เปิดเปิดวีดีทัศการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้แก่สมาชิกพรรคได้รับฟัง 

                 ประชุมใหญ่เพื่อไทย “ทักษิณ”ยก“เศรษฐา”นายกฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 

ช่วงหนึ่ง นายทักษิณ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ เรื่องนี้ตนบอกได้เลยว่าไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยหรือไทยรักไทย แต่พรรคเพื่อไทยจริงๆ สร้างมาจากไทยรักไทย เป็นพรรคที่รีฟอร์ม หรือ เป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง

ถ้าจำได้พรรคไทยรักไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระบบประกันสุขภาพ การเอาเงินจากเมืองหลวงกลับไปสู่ชนบท กระจายเงินออกไป และเรื่องการดูแลสินค้าเกษตร ทุกเรื่องเป็นเรื่องใหม่หมดที่ไทยรักไทยทำ และพรรคเพื่อไทยก็ทำมาต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้พรรคเพื่อไทยก็กำลังจะทำดิจิทัลวอลเล็ต โคตรใหม่ ไม่ใช่ใหม่ธรรมดา

ฉะนั้น วันนี้เราไม่ได้อยู่กับเรื่องโบราณแน่นอน เพราะโลกเปลี่ยนไป เพื่อไทยก็ต้องปรับตัวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ระบบทุนนิยมที่ไร้ความเมตตาธรรมจะไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความสุขได้ และวันนี้ต้องเข้าใจว่าสังคมเปลี่ยนไปแล้ว 

การเข้าถึงประชาชนเป็นหัวใจสำคัญทั้งทางกายภาพ หรือทางสื่อ และต้องสะท้อนปัญหาของประชาชนในสภาได้ ถึงแม้จะไม่เป็นผู้บริหาร

ฉะนั้นอยากให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเข้าถึงประชาชน การทำงานในสภาให้เข้มแข็ง และหัวใจ คือ ต้องเป็นนักการเมืองที่รักประชาชน 
“ประชาชนเดี๋ยวนี้มองตาเราก็รู้ว่ามีเมตรตาธรรม หรือเราเป็นคนถือตัวไม่สนใจเขามองออก ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับความรู้สึกของชาวบ้าน จะมาเสแสร้งไม่กี่วัน หนึ่งเดือนตอนเลือกตั้งเขาก็รู้หมดแล้ว ฉะนั้นเราต้องอยู่กับชาวบ้านให้ได้”

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่า นายเศรษฐา สามารถนำพาประเทศได้ เพราะท่านเป็นนักบริหาร มีประสบการณ์มาก การมีเครือข่ายที่ส่งเสริมช่วยเหลือ สนับสนุนกันเป็นสิ่งที่จำเป็น 
สำหรับตนเป็นคนบ้านนอก ตอนเป็นนายกฯ ก็ไม่มีเครือข่ายในกรุงเทพฯ มีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง เป็นการวางตัวที่เหมาะของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา เหมาะที่จะลงไปในช่วงที่เปลี่ยนผ่าน ระหว่างการเมืองที่มีหลายพรรค 

สำหรับ น.ส.แพทองธาร ตนมั่นใจว่าจะสามารนำทีมพลิกเกมได้ไม่ยาก เป็นดีเอ็นเอระหว่าง คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กับ ตน ผสมกันเป็น น.ส.แพทองธาร คือ เอาส่วนเข้มแข็ง อดทน เด็ดขาดมาจากคุณหญิงพจมาน และเขาเอาส่วนที่พบปะผู้คน เข้าใจการเมืองมาจากตน และเชื่อว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่ใช่มาเชียร์ลูก แต่ในเมื่อทำได้ ดีเอ็นเอตนก็ต้องทำได้ และทำได้ดีกว่าด้วย 

                     ประชุมใหญ่เพื่อไทย “ทักษิณ”ยก“เศรษฐา”นายกฯ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ 

ขณะที่ นายวิสุทธ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวปาถกฐาพิเศษว่า สภาที่เข้มแข็งคือ รัฐบาลที่เข้มแข็ง โดยมีผลประโยชน์สูงสุดคือ ประชาชน ย้อนไปในรัฐบาลไทยรักไทย ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอีกมากมาย ทำให้พรรคไทยรักไทยไปนั่งในหัวใจประชาชน 

เพราะเรามีฝ่ายนิติบัญญัติที่เข้มแข็ง มีส.ส.เกินครึ่ง ทำให้ไปกู้ระบบราชการได้หลายกระทรวง แก้กฎหมายที่เป็นปัญหา ทำให้การเลือกตั้งครั้งต่อมาสร้างประวัติศาสต์ได้ส.ส. 370 เสียง ตอนนี้แม้มีเสียงเกินกึ่ง แต่ไม่ได้มีส.ส.พรรคเดียว การทำงานกับหลายพรรคการเมืองลำบากมากขึ้น พรรคร่วมต้องสร้างเอกภาพร่วมกัน และประสานงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่หลายครั้งรับปากแต่ไม่ทำตามอันนี้เราปวดหัวมาก 

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายจัดตั้งส่วนประสานทางการเมืองกับสภาฯ ขึ้นมา เพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนในสังคมสื่อออนไลน์ ป้องกันการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด และหน้าที่สำคัญอีกอย่างของส.ส. คือ การลงพื้นที่รับฟังปัญหากับประชาชน  

“วันนี้คนรอนโยบายสำคัญของเพื่อไทย การสื่อสารออนไลน์ทุกแพลทฟอร์มเป็นเรื่องจำเป็น เมื่อผลงานของรัฐบาลออกมา ความชัดเจนจะอยู่ในหัวใจประชาชน และเชื่อว่าวันนั้น พรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง รัฐบาลจะแข็งแค่ไหน ต้องร่วมมือกับสภาฯ เพื่อออกกฎหมายให้รัฐบาลผลักดันนโยบายต่อไป”