"จตุพร" วิเคราะห์โอกาส "ก้าวไกล" รอดยุบพรรคมีเพียง 1%

13 มี.ค. 2567 | 22:58 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2567 | 08:50 น.

"จตุพร พรหมพันธุ์" มองโอกาสยุบ "พรรคก้าวไกล" สุงถึง 99% ชี้ เป็นหมากการเมือง สกัดพรรคเพื่อไทยล้มดีลพรรคร่วม ปล่อยสถานการณ์ล่วงเลยจน สว.หมดวาระไม่ได้ ชี้ชัด ก้าวไกลไม่มีวันตาย แต่การต่อสู้ทางการเมืองไม่ง่าย

จากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  และ พรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง

มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ากระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 

ต่อมา นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดเผยถึงระยะเวลายกร่างคำร้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า โดยทั่วไปจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ ในการจัดทำคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสร็จเมื่อไหร่ก็ยื่นเมื่อนั้น

\"จตุพร\" วิเคราะห์โอกาส \"ก้าวไกล\" รอดยุบพรรคมีเพียง 1%

ฐานเศรษฐกิจ สัมภาษณ์พิเศษนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ต่อสถานการณ์ทางการเมือง และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล โดยนายจตุพรมองว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกยุบพรรคมากถึง 99% เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นเหตุให้ กกต.ส่งเรื่องยุบพรรคนั้นค่อนข้างมีความชัดเจน แต่หากจะรอดพ้นจากการยุบพรรคครั้งนี้ ก็อาจเป็นไปได้ที่ว่า พฤติการณ์ของพรรคก้าวไกลในคำวินิจฉัย เป็นเพียงคำว่า "อาจ" ซึ่งยังไม่ได้เกิดการล้มล้างการปกครองขึ้น ซึ่งมีโอกาสเพียง 1%

นายจตุพร วิเคราะห์ถึงเหตุปัจจัยที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งว่า สาเหตุหลักมาจากดีลของพรรคเพื่อไทยกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลยังไม่ถือว่าเป็นศัตรูคู่ตรงข้ามกันอย่างแท้จริง

เพราะจากคำพูดของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนหน้านั้น ก็จะยังพอเห็นเยื่อใยความเป็นมิตรที่มีต่อกันได้ เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยไปถึงวันที่ สว.หมดวาระไม่ได้( 11 พฤษภาคม 2567) เพราะหากถึงวันนั้นพรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคก้าวไกล เพียง พรรคก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และยังเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยให้อธิบายต่อฐานเสียงได้อีกด้วย ว่าจำเป็นต้องฉีก MOU กับก้าวไกลก็เพื่อรอวันนี้

\"จตุพร\" วิเคราะห์โอกาส \"ก้าวไกล\" รอดยุบพรรคมีเพียง 1%

ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยหักดีลพรรคร่วม โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ยอมลงจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อสลับให้แคนดิเดตนายกฯพรรคอื่นขึ้นดำรงตำแหน่งบ้างตามที่ตกลง ก็เป็นเหตุจำเป็นให้ต้องยุบพรรคก้าวไกลลงเสีย เพื่อเป็นการล็อกทุกฝ่ายให้เดินไปตามเกมส์ 

แม้แต่พรรคเพื่อไทยก็ได้ถูกนายนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.)ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากสนับสนุนการแก้ไขป.อาญา มาตรา 112 ในการหาเสียงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งนายเรืองไกรได้นัดเข้าให้ถ้อยคำต่อ อสส.ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปในทิศทางเดียวกัน ก็เป็นเรื่องที่กกต.ต้องยื่นยุบพรรคเพื่อไทยในอันดับต่อไป

ต่อข้อถามว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบ สถานการณ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นายจตุพรมีมุมมองว่า ขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่พร้อมให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ อีกทั้งจะยังไม่เกิดแรงเหวี่ยงสู่การเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันใดๆ เพราะประชาชนที่เลือกตั้งยังไม่ได้มีความรู้สึกแน่นแฟ้นกับพรรค ชนิดที่จะออกมาร่วมเป็นร่วมตายกับพรรคการเมืองได้ ดูจากการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีประชาชนออกเท่าใดนัก แม้จะเคยมีสส.ชนะการเลือกตั้งมากถึง 377 เสียง มีคนเลือกถึง 19 ล้านเสียง

แต่อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลไม่มีวันตาย ถึงจะยุบพรรคอย่างไรก็จะเติบโตมากขึ้น เว้นเสียแต่ว่ากติกาการต่อสู้ทางการเมืองถูกออกแบบขึ้นใหม่ ซึ่งก็จะเป็นโจทย์ท้าทายของพรรคก้าวไกลต่อไป การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลสามารถทำคะแนนแซงหน้าพรรคเพื่อไทยได้ในช่วงโค้งสุดท้ายไม่กี่สัปดาห์ เพราะความไม่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยเอง และคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลที่มีเพิ่มมากขึ้นก็เกิดมาจากความเสื่อมของพรรคเพื่อไทยเอง ทั้งนี้เชื่อว่าในเชิงกระแสพรรคก้าวไกลย่อมเหนือกว่า เพราะเป็นผู้ถูกกระทำ และยังไม่มีข้อด่างพร้อยให้โจมตีจากการบริหารประเทศ ซึ่งต่างจากพรรคอื่นๆ

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการต่อสู้ทางการเมือง นักเลือกตั้งล้วนมีวิธีพลิกแพลงเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ทั้งการออกแบบกฎกติกาใหม่ หรือการตกลงกันของพรรคพันธมิตรในการส่งผู้สมัครฯ เพื่อเป็นการเปิดทางเทคะแนให้แก่กัน และได้รับคะแนนเสียงมากกว่าจนเป็นผู้ชนะ ซึ่งจะเป็นโจทย์ในอนาคตของพรรคก้าวไกลต่อไป