มติป.ป.ช.รับรองข้อเสนอป้องกันทุจริต“แจกเงินดิจิทัล” แถลง 7 ก.พ.นี้

06 ก.พ. 2567 | 18:11 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2567 | 10:21 น.

มติป.ป.ช.รับรองข้อเสนอ “แจกเงินดิจิทัล” ป้องกันทุจริต เตรียมแถลง 7 ก.พ.นี้ คาด 2 สัปดาห์เสนอรัฐบาลได้ ปรับเนื้อหาให้ซอฟต์ลง ย้ำไม่ได้บังคับแค่แนะนำ ให้ระมัดระวัง

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในวันนี้ (6 ก.พ.) มีมติรับรองข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) 

โดยมีการปรับปรุงรายละเอียดจากร่างของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ชุดที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน พอสมควร และเป็นการปรับแก้ไขเพื่อให้ดูซอฟต์ลง ไม่ได้เหมือนมีสภาพบังคับ

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ประเด็นที่มีการปรับปรุงคือ ยืนยันว่า ป.ป.ช.มีอำนาจจัดทำข้อเสนอแนะตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มีการปรับปรุงเนื้อหาเกี่ยวกับเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ ไม่ได้ฟันธงว่าวิกฤติ หรือไม่วิกฤติ รวมถึงตัดถ้อยคำที่ว่า นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นการหาเสียงที่อาจเข้าลักษณะเป็นสัญญาว่าจะให้ คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์จะส่งให้รัฐบาลได้

"ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ก้าวก่ายนโยบายรัฐบาล แต่ทำตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ป.ป.ช. เราไม่ได้บอกว่าทุจริต แต่เสนอแนะว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงให้ไปหามาตรการป้องกัน และ ป.ป.ช.ไม่ได้มีอำนาจไปห้าม หรือ อนุญาตให้รัฐบาลทำ ป.ป.ช.แค่เสนอแนะไปเพื่อให้วางแนวทางป้องกัน ให้ระมัดระวัง ถ้าระมัดระวังก็จบ” 

ส่วนอนาคตหากเกิดความเสียหาย หรือ ทุจริต ก็ต้องดูว่ามีเจตนาหรือไม่ และหากบอกว่า ระมัดระวังแล้ว ก็ต้องดูพฤติการณ์อีกว่า มีการระมัดระวังมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องรายละเอียด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. จะแถลงเรื่องดังกล่าว ที่ห้องนนทบุรี 2 ชั้น 3 อาคาร 4 สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ

 

เปิดเหตุปปช.เเก้ 3 ปมเงินดิจิทัลฯ

เมื่อวันที่5กพ.ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการปปช.มีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ฉบับปรับปรุงหลังจากที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

ดังนั้นป.ป.ช. มีมติอนุมัติหลักการร่างข้อเสนอแนะจากรายงานของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานฯ

แต่คณะกรรมการปปช.มีมติให้ปรับปรุงรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาทฯ ฉบับปรับปรุงใหม่ มีการปรับปรุงเนื้อหาของร่างข้อเสนอแนะฯฉบับเดิม 3 ประเด็นจาก9ประเด็นที่นางสาวสุภาเสนอมา

รายงานข่าวกล่าวว่า เพราะข้อเสนอแนะในรายงานของนางสาวสุภานั้นบางประเด็นมีรายละเอียดหรือข้อมูลไม่ครบถ้วน และอาจไม่เป็นธรรมกับฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นหากกรรมการปปช.จะยึดรายงานของนางสาวสุภาทั้งหมดและผ่านความเห็นชอบไปนั้น

อาจจะถูกบางฝ่ายตำหนิการทำหน้าที่ของปปช.ได้ จึงต้องปรับแก้ไขให้รายงานที่ปปช.จะเสนอต่อรัฐบาลให้มีความเป็นกลางและเป็นธรรม เพราะเร็วๆนี้ปปช.จะต้องชี้มูลความผิดในคดีสำคัญๆหลายคดีและเผยแพร่ให้สังคมรับทราบการทำหน้าที่ของปปช.ที่วินิจฉัยในคดีเหล่านั้นตามอำนาจหน้าที่

รายงานข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ยังต้องจับตาว่า ว่าที่กรรมการปปช.ใหม่อีกสี่คนนั้นจะได้เริ่มทำหน้าที่เมื่อใด แม้ตอนนี้ปปช.จะมีกรรมการปปช.ห้าคนจากเก้าคนที่สามารถทำงานได้ก็ตาม แต่ตอนนี้มีกระแสข่าวว่า อดีตกรรมการปปช.และอดีตที่ปรึกษากรรมการปปช.บางคนที่พ้นวาระและหน้าที่ไปแล้ว และมีข้อครหา รวมถึงการฟ้องร้องดำเนินคดี ระหว่างการทำหน้าที่ในสำนักงานปปช.นั้น ทราบว่าบุคคลดังกล่าวกำลังพยายามที่จะกลับมาทำหน้าที่ที่ปรึกษากรรมการปปช.และอนุกรรมการบางคณะให้ได้ท่ามกลางการทักท้วงและการร้องเรียนความไม่เหมาะสมดังกล่าว

เช่น ข่าวคลิปเสียงของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่อ้างชื่อกรรมการปปช.บางคนในการเคลียร์คดีหากมีการฟ้องร้องมายังปปช.,ข่าวคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นกรรมการปปช.ในคราวนี้ทั้งที่มีการร้องเรียนผู้สมัครคนนั้นในการทำหน้าที่บอร์ดรัฐวิสาหกิจเเห่งหนึ่งว่าไม่โปร่งใส,ข่าวร้องเรียนกรรมการปปช.เเละที่ปรึกษาปปช.บางคนว่าทำหน้าที่เเบบสองมาตรฐานเเละไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา

ไปยังประธานปปช.แล้ว โดยทราบว่าบุคคลดังกล่าวกำลังประสานกับกรรมการปปช.ชุดใหม่และว่าที่กรรมการปปช.เพื่อขอรับหน้าที่ดังกล่าวผ่านการประสานงานของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง  

“เพราะทราบว่าหากอดีตกรรมการปปช.และอดีตที่ปรึกษากรรมการปปช.บางคนที่พ้นวาระไปแล้ว หากกลับมาทำหน้าที่ที่ปรึกษากรรมการปปช.และอนุกรรมการบางคณะได้ ก็เสมือนว่าบุคคลเหล่านั้นยังสามารถทำหน้าที่ในสำนักงานปปช.ได้ต่อเนื่องและอาจมีอิทธิพลในการให้ความเห็นเกี่ยวกับการชี้มูล/ไม่ชี้มูลความผิด รวมทั้งอาจมีผลกับการเสนอให้มีการทบทวนมติคำร้องและคดีต่างๆที่ทางปปช.ดำเนินการไปแล้วและกำลังดำเนินการ และตอนนี้มีหลายคดีที่สังคมให้ความสำคัญซึ่งมีการยื่นเรื่องมายังปปช.แล้ว 

ดังนั้นการพยายามประสานงานผ่านการดีลของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งที่ผลักดันอดีตกรรมการปปช.และอดีตที่ปรึกษากรรมการปปช.บางคนให้กลับมาทำหน้าที่ในสำนักงานปปช.นั้น ทราบว่ากำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ เพราะมีบางคดีที่บางฝ่ายต้องการผลักดันให้มีผลในทางใดทางหนึ่งเกิดขึ้นให้ได้ จึงเกิดความพยายามประสานงานดังกล่าวให้ลุล่วง ตรงนี้ต้องติดตามว่าความพยายามดังกล่าวจะเกิดขึ้นและจะมีผลอย่างไรกับปปช.ในเร็ววันนี้และรอดูการพิจารณาของประธานปปช.ด้วยว่าจะอนุมัติการแต่งตั้งอดีตกรรมการปปช.และอดีตที่ปรึกษากรรมการปปช.บางคนให้กลับมาทำหน้าที่ในสำนักงานปปช.หรือไม่”รายงานข่าวกล่าว