“เศรษฐา” เชื่อ ธปท. เอาอยู่คุมค่าเงินบาทอ่อน โวต่างชาติสนใจหุ้นกู้สีเขียว

21 ก.ย. 2566 | 11:19 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2566 | 11:19 น.

นายกรัฐมนตรี เผยในเวที UNGA ครั้งที่ 78 ต่างชาติสนใจการออกหุ้นกู้สีเขียว หวังจะขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยันไม่กังวลปัญหาค่าเงินบาทอ่อน ให้ทาง ธปท. กำกับดูแล

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ UNGA ครั้งที่ 78 ว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอแนวคิดของประเทศไทย ไม่ใช่แค่ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ในฐานะคนไทย 

และไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้ แต่รวมถึงรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ที่ร่วมมือกัน ซึ่งหลายประเทศให้ความชื่นชม ที่ไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพแวดล้อม 

สำหรับธีมของการประชุมครั้งนี้ คือการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ซึ่งไทยได้เสนอ Sustain Development Goal ในความเห็นส่วนตัวตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ควรจะทำ

โดยเฉพาะช่วง geo politic มีความร้อนแรง มีความเดือดเยอะมากมีความเห็นต่าง ทางความคิดเยอะมาก กับประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 

แต่เรื่องนี้ทุกคนเห็นร่วมกันว่าภาวะโลกร้อน จะทำยังไงให้มีความยั่งยืนในการดำรงชีพของประชาชนในทุกประเทศถือเป็นธีมที่ดี ที่ผสมผสานทุกประเทศด้วยกัน

ส่วนเรื่องการออกหุ้นกู้ Sustaianability linked bond นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านนี้ และมีการออกหุ้นกู้ 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐ อยู่แล้ว 

แต่เป็นหุ้นกู้ที่มีขีดจำกัดเรื่องการใช้เงิน จึงต้องขยายขอบเขต ซึ่ง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จะระบุคำจำกัดความขึ้นมาว่า การจะระดมทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ว่าจะมีขอบเขตอย่างไร รวมทั้งจะทำ Green Economy อย่างไรบ้าง

สำหรับถ้อยแถลงในเวทีว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายกรัฐมนตรี ได้มีการนำเสนอ อาริยะเกษตร ที่มีปรัชญาต่อเเนื่องมาจากเศรษฐกิจพอเพียง ได้นำเสนอให้ชาวโลกทราบ 

รวมถึงความสำคัญที่เรื่อง Climate Change มีการพูดถึงเป้าหมายในแต่ละปี เพื่อให้พัฒนาเร็วขึ้น ด้าน Carbon ambition ประเทศไทยพยายามทำให้ดีขึ้น ซึ่งดูจากตัวเลขที่ UN ให้มาเรามีการพัฒนาดีกว่าหลายประเทศ

นายกฯ ไม่ห่วงบาทอ่อนให้ ธปท. กำกับดูแล

ส่วนสถานการณ์เงินบาทอ่อนใประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ทราบสถานการณ์แล้ว แต่เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของทาง ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.)

ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้ไปก้าวก่าย และเข้าใจว่าเป็นเรื่องของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนระยะสั้น ซึ่งทำให้เงินทุนไหลออก เพื่อเก็งกำไร ในแง่ประเทศอื่นที่มีส่วนต่างของดอกเบี้ยสูงกว่า 

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปีมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลระดมเงินทุนจำนวนมาก ทำให้กระทบต่อสภาพคล่องของเอกชนนั้น 

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สภาพคล่องในประเทศไทยยังมีอยู่เยอะมาก ตรงนี้จึงไม่น่าใช่ประเด็น เรื่องนี้ได้หารือกับกระทรวงการคลังแล้ว ยืนยันไม่น่ากังวลต่อสภาพคล่องของเอกชน